กรุงเทพฯ--29 ม.ค.--iTAP
โครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (iTAP)
โครงการ iTAP (สวทช.) หนุน ผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์จากผักตบชวา “เปอร์ฟอร์แมกซ์” เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ ลดต้นทุน-ของเสีย พร้อมเพิ่มทักษะความรู้เชิงวิชาการแก่บุคลากรจากผู้เชี่ยวชาญม.เกษตรศาสตร์ ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ผันผวนจากราคาน้ำมันแพง และค่าเงินบาทแข็งชี้เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการส่งออกไทย
ผลิตภัณฑ์ “ผักตบชวา” (water hyacinth) หลายคนอาจนึกถึงเพียงรูปแบบของเครื่องจักรสานต่างๆ อาทิ ตะกร้า กระเป๋าถือ หมวก ฯลฯ หรือทำเป็นอาหารสัตว์เท่านั้น ซึ่งก่อให้เกิดมูลค่าแก่ชาวบ้านไม่มากนัก แต่ปัจจุบันมีการนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ผักตบชวาที่เพิ่มมูลค่ามากขึ้นกลายเป็นสินค้าส่งออกที่สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศปีละหลายร้อยล้านบาท
นางชุติมา ขันติพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เปอร์ฟอร์แมกซ์ จำกัด ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์จากผักตบชวา กล่าวว่า บริษัทได้นำวัสดุจากธรรมชาติมาเพิ่มมูลค่า โดยรับซื้อผักตบชวาตากแห้งจากกลุ่มชาวบ้านเพื่อนำมาผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์ผักตบชวาส่งออกซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศแถบยุโรป ญี่ปุ่น แคนาดา สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ ฯลฯ โดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มพรีเมี่ยมขึ้นไป และเนื่องจากเป็นกลุ่มลูกค้าที่เน้นคุณภาพค่อนข้างสูง ซึ่งตรงกับคอนเซ็ปท์ของบบริษัทที่มุ่งเน้นผลิตสินค้าที่มีคุณภาพเท่านั้น ทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทส่งออกไปจำหน่ายกว่า 30 ประเทศทั่วโลก เนื่องจากความเชื่อมั่นในคุณภาพจนเป็นที่ไว้วางใจจากลูกค้าตลอดมา
แต่จากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่กำลังประสบปัญหาด้านพลังงานที่ส่งผลต่อต้นทุนการผลิต และปัจจัยค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น อันเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการส่งออก บริษัทฯ จึงต้องพยายามหาวิธีการในการประหยัดค่าใช้ด้านต่างๆ โดยหันมาพัฒนากระบวนการผลิตในโรงงานแทนเพื่อลดต้นทุนการผลิตให้ได้มากที่สุด อาทิ ลดของเสีย และการนำของเหลือใช้ในโรงงานกลับมาใช้ใหม่ รวมทั้งการจัดหาผู้เชี่ยวชาญเข้ามาฝึกอบรมให้กับบุคลากรของบริษัทเพื่อเพิ่มทักษะความรู้ความเข้าใจในการทำงานที่ถูกต้อง บริษัทฯ จึงได้เข้ารับความช่วยเหลือจากโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (iTAP) ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ในโครงการการเพิ่มประสิทธิภาพกาผลิตเฟอร์นิเจอร์จากผักตบชวา โดย iTAP ได้จัดส่งผู้เชี่ยวชาญจากภาควิชาวนผลิตภัณฑ์ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เข้ามาเป็นที่ปรึกษา
ผู้เชี่ยวชาญได้ให้คำแนะนำวิธีการรักษาเนื้อไม้อย่างถูกต้อง และยังได้ปรับปรุงพัฒนาเตาอบขนาดใหญ่ ( ขนาด 6 เมตร x 12 เมตร )ที่มีอยู่เดิม นำมาเพิ่มเทคนิคการอบที่สามารถอบผลิตภัณฑ์ผักตบชวาได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพภายใต้อุณหภูมิที่มีความร้อนสูงถึง 85 องศาเซลเซียส ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการอบไม่ต่ำกว่า 8 ชม. จากเดิมที่อบได้เพียง 60 องศาเซลเซียสผักตบชวาก็จะไหม้และกรอบเป็นผง หลังจากการพัฒนาเตาอบแล้วทำให้บริษัทได้รับการรับรองมาตรฐานสินค้าส่งออกจากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีกฎระเบียบเข้มงวดมากสำหรับสินค้านำเข้าประเภทพืชผัก
“ เมื่อได้รับการพัฒนาเทคนิคการอบจากผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของบริษัทสามารถนำเข้าไปจำหน่ายในประเทศออสเตรเลีย และไม่ใช่เพียงเท่านั้นยังสามารถส่งออกไปจำหน่ายได้ทั่วโลกอีกด้วย นอกจากนี้ทางคณะผู้เชี่ยวชาญยังได้เข้ามาปรับปรุงกระบวนการผลิตต่างๆในโรงงานให้มีประสิทธิภาพและให้ผลิตสินค้าออกมามีคุณภาพมากยิ่งขึ้นอีก รวมทั้งให้ความรู้ในเชิงวิชาการแก่พนักงานของบริษัทเพิ่มเติม ซึ่งความรู้ที่ได้เหล่านี้จะช่วยให้เราเหนือคู่แข่ง และอยู่รอดได้ในภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงเช่นนี้เพราะเรื่องของเทคโนโลยีนั้นเร็วมาก หากเราไม่พัฒนาต่อเนื่องคู่แข่งก็จะตามทันและแซงเราได้ จึงถือเป็นการเตรียมความพร้อมของบริษัททั้งทางด้านเทคโนโลยีและบุคลากร เพื่อให้การผลิตของเราเกิดความเสียหายน้อยที่สุดและสามารถลดต้นทุนการผลิตให้ได้มากที่สุด ” นางชุติมากล่าว
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจและต้องการพัฒนาเทคโนโลยี สามารถติดต่อขอรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (iTAP) ศูนย์บริการจัดการเทคโนโลยี ( สวทช.) โทร. 0-2564-7000 ต่อ 1368 , 1381 หรือดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.tmc.nstda.or.th/itap