กรุงเทพฯ--25 มี.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แนะวิธีตรวจสอบดูแลอุปกรณ์ประจำรถ เพื่อให้การเดินทางในช่วงฤดูร้อนเป็นไปด้วยความปลอดภัย โดยเลือกติดฟิลม์กรองแสงที่ได้มาตรฐาน หมั่นทำความสะอาดกระจกรถอยู่เสมอ รวมถึงตรวจสอบสภาพยางรถยนต์ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ ตลอดจนตรวจสอบน้ำในหม้อน้ำ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และในขณะขับรถควรสังเกตเข็มวัดระดับความร้อนบนหน้าปัดรถยนต์ เพราะหากค่าความร้อนสูง จะทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัด ส่งผลให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหายได้
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ระยะนี้ประเทศไทย เข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว การขับรถในช่วงฤดูร้อนซึ่งมีสภาพอากาศร้อนและแสงแดดแรงจัดกว่าฤดูกาลอื่น ทำให้ผู้ขับขี่มีสายตาพร่ามัวและเกิดอาการง่วงนอนง่ายกว่าปกติ อีกทั้งการไม่ดูแลอุปกรณ์ประจำรถและเครื่องยนต์ให้พร้อมใช้งาน จะเพิ่มความเสี่ยง ต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อความปลอดภัยกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอแนะวิธีตรวจสอบและดูแลรักษาอุปกรณ์ประจำรถยนต์ เพื่อให้การเดินทางในช่วงฤดูร้อนเป็นไปด้วยความปลอดภัย ดังนี้ เลือกติดตั้งฟิลม์กรองแสง ที่ได้มาตรฐาน ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดความร้อนและสะท้อนแสงในระดับที่เหมาะสม จะช่วยลดความจ้าและกรองความสว่างของแสงอาทิตย์ ที่ทำให้ผู้ขับขี่ต้องเพ่งสายตามองเส้นทาง ส่งผลให้ง่วงนอนง่ายกว่าปกติ อีกทั้งไม่ควรติดตั้งฟิลม์กรองแสง ที่สะท้อนแสงมากเกินไป เพราะแสงแดดจะทำมุมกับกระจกรถและสะท้อนเข้าตาผู้ขับรถรายอื่น ทำให้สายตาพร่ามัว ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ หมั่นทำความสะอาดกระจกหน้าและหลังรถอยู่เสมอ โดยฉีดน้ำยาเช็ดกระจกแล้วใช้ผ้าแห้ง กระดาษหนังสือพิมพ์ทำความสะอาดกระจก แล้วเปิดใบปัดน้ำฝนเช็ดทำความสะอาดกระจก โดยเติมน้ำยาทำความสะอาดหรือแชมพูลงไปในกระปุกน้ำฉีดกระจกเล็กน้อย จะช่วยชะล้างคราบสกปรกและฝุ่นละอองได้สะอาดมากขึ้น ทำให้มองเห็นเส้นทางได้อย่างชัดเจน แต่ไม่ควรใช้ที่ปัดน้ำฝน ทำความสะอาดในขณะที่กระจกแห้ง เพราะจะทำให้กระจกเป็นรอยขูดขีด ส่งผลกระทบต่อทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางตรวจสอบยางรถยนต์ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานเสมอ เพราะช่วงฤดูร้อนผิวถนนมีอุณภูมิสูงกว่าปกติ ทำให้อากาศภายในยางรถยนต์ขยายตัว ส่งผลให้ยางเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติและเสี่ยงต่อการระเบิดได้ ที่สำคัญ การขับรถในช่วงที่อากาศร้อน ประกอบกับการจราจรติดขัด ทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัดได้ หม้อน้ำจึงเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยระบายความร้อน ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานได้ตามปกติ ดังนั้น ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบน้ำในหม้อน้ำให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่พร่องหรือต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อป้องกันเครื่องยนต์ร้อนจัด โดยเฉพาะรถที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 5 ปี ควรตรวจสอบเป็นประจำทุกสัปดาห์ และหมั่นเติมน้ำสะอาดเมื่อน้ำเริ่มพร่อง ขณะขับรถควรสังเกตเข็มวัดระดับความร้อนบนหน้าปัดรถยนต์ ซึ่งมีค่าระหว่าง COLD (C) กับ HOT (H) หากระดับน้ำในหม้อน้ำพร่อง ค่าความร้อนจะสูงขึ้น ทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัด ส่งผลให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหายได้ ทั้งนี้ การแก้ไขกรณีหม้อน้ำแห้งขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน ผู้ขับขี่ไม่ควรฝืนขับรถไปต่อ เพราะอาจเกิดอันตรายมากขึ้น ให้นำรถจอดริมข้างทางในบริเวณที่ปลอดภัย ไม่ควรดับเครื่องยนต์และเติมน้ำในหม้อน้ำทันที ให้ติดเครื่องยนต์เดินเบาสักระยะ พร้อมเปิดฝากระโปรงหน้ารถ รอจนอุณภูมิลดลงและเครื่องยนต์เริ่มเย็นตัว จึงเปิดฝาหม้อน้ำแล้วค่อยๆ เติมน้ำสะอาดลงไป ทีละน้อย ที่สำคัญ ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องยนต์ร้อนจัด เพราะจะได้รับอันตรายจากไอน้ำที่พุ่งขึ้นมา