กรุงเทพฯ--26 มี.ค.--โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา
เซ็นทาราขับเคลื่อนธุรกิจตามแผนความยั่งยืนปี 2562 แบนพลาสติกใช้ครั้งเดียว ลดจำนวนอาหารเหลือ และสนับสนุนผลิตผลจากชุมชน
โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา เครือโรงแรมชั้นนำของประเทศไทย ประกาศแผนยั่งยืนปี 2562 ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก คือ การเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง การลดปริมาณอาหารที่เหลือทาน และการสนับสนุนผลิตผลจากเกษตรกรและชุมชนในท้องถิ่น
การเลิกใช้พลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้งภายในสิ้นปี 2562
การแบนพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งนับเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ "เซ็นทารา เอิร์ธแคร์" ที่มุ่งส่งเสริมให้แขกผู้เข้าพักและนักท่องเที่ยวลดปริมาณขยะ ร่วมประหยัดพลังงาน และสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยแผนกลยุทธ์ยั่งยืนปี 2562 ของเซ็นทารามุ่งให้ความสำคัญกับการเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง โดยเริ่มจาก หลอดน้ำดื่ม ถุงใส่ผ้าส่งซักในห้องพัก บรรจุภัณฑ์อาหาร ขวดน้ำที่ห้องออกกำลังกายและริมสระว่ายน้ำ รวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ในห้องน้ำ เซ็นทาราจะเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เหล่านี้เป็นวัสดุที่นำกลับมาใช้ได้อีก หรือย่อยสลายได้ตามธรรมชาติเพื่อช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
"เซ็นทารามุ่งมั่นดำเนินธุรกิจในเครือทุกแห่งภายใต้หลักจริยธรรมและความยั่งยืน พร้อมมอบประสบการณ์การบริการลูกค้าที่เหนือระดับด้วยไมตรีจิตแบบไทย" นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าว "เราให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมผลักดันยุทธศาสตร์และการพัฒนาด้านความยั่งยืนในผลิตภัณฑ์และการบริการของทุกโรงแรมและรีสอร์ทที่เราดำเนินธุรกิจอยู่ เพื่อสร้างคุณค่าในระดับสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจในทุกที่ที่เซ็นทาราตั้งอยู่ นอกจากนี้ เรายังมุ่งมั่นที่จะร่วมสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ยั่งยืน และดีต่อสังคม เพื่อส่งต่อไปยังรุ่นลูกหลานในอนาคต"
เซ็นทาราได้เริ่มยกเลิกการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งเมื่อปี 2561 ทั่วโรงแรมและรีสอร์ทที่เปิดให้บริการทั้ง 39 แห่ง โดยทดแทนพลาสติกเหล่านั้นด้วยบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่ และทำจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งแบบที่ผลิตจากธรรมชาติ ย่อยสลายได้เอง และพลาสติกย่อยสลายได้ทางชีวภาพ โดยเซ็นทาราตั้งเป้าหมายยกเลิกพลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้งทั้งหมดภายในสิ้นปี 2562 นี้
โดยระยะแรก เซ็นทาราเริ่มทะยอยยกเลิกการใช้หลอดพลาสติกตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว เนื่องจากหลอดพลาสติกทั่วไปใช้เวลานานถึง 200 ปีในการย่อยสลาย และเปลี่ยนเป็นหลอดดื่มน้ำที่ย่อยสลายทางชีวภาพได้ (bio-straws) ภายใน 6 เดือน หากโรงแรมและรีสอร์ทในเครือทั้งหมดเปลี่ยนมาใช้หลอดดื่มน้ำแบบใหม่นี้ได้อย่างสมบูรณ์ก็จะช่วยลดปริมาณขยะหลอดพลาสติกได้ถึงเกือบ 2.2 ล้านหลอดต่อปี
ระยะที่สอง เซ็นทาราได้เปลี่ยนถุงพลาสติกส่งผ้าซักในห้องพักแขกมาเป็นถุงผ้าแทน โดยได้เริ่มแล้วเมื่อเดือนธันวาคม 2561 ซึ่งเซ็นทาราจะยึดหลักปฏิบัตินี้ในทุกโรงแรมและรีสอร์ทที่เปิดให้บริการอยู่รวมถึงที่จะเปิดให้บริการในอนาคตด้วย ทั้งยังจะเดินหน้าลดเลิกการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกในรูปแบบอื่นๆ ตลอดต่อเนื่องทั้งปี 2562 นี้จนเสร็จสิ้นตามแผน
การลดปริมาณอาหารที่เหลือทิ้ง
ในส่วนแผนงานความยั่งยืนด้านการลดปริมาณขยะอาหารเหลือของเซ็นทารา ได้แก่ การลดปริมาณอาหารที่เหลือทิ้ง ด้วยการซื้อผักสด ผลไม้สด และสมุนไพรต่างๆ จากผู้ปลูกหรือเกษตรกรในชุมชน เพื่อลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาจากการขนส่งและภาคอุตสาหกรรมการผลิตวัตถุดิบเหล่านั้น
การมอบอาหารที่เกินปริมาณบริโภคในแต่ละวันแต่ยังคุณภาพดีให้แก่องค์กรการกุศลในชุมชนใกล้เคียงที่ตั้งของโรงแรม การคัดแยกขยะและมอบขยะอินทรีย์ให้เกษตรกรได้นำไปใช้เพื่อย่อยสลายเป็นปุ๋ยต่อไป และการเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ ด้วยการผสมผสานก๊าซมีเทนเข้ากับคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อนำไปใช้ทดแทนพลังงานจากถ่านหินหรือน้ำมัน
ในปี 2561 เซ็นทาราได้ทำงานร่วมกับองค์กรการกุศลไทยมากมาย อาทิ ฮาร์เวสท์ เอสโอเอส เพื่อรวบรวมนำเอาวัตถุดิบและอาหารที่เกินปริมาณบริโภคแต่ยังมีคุณภาพดี รวมทั้งสิ้นกว่า 28,000 กิโลกรัมไปทำการคัดแยกและบริจาคให้กับผู้ยากไร้ ซึ่งปริมาณอาหารที่เซ็นทาราบริจาค สามารถเปลี่ยนเป็นอาหารให้ผู้ยากไร้ได้มากถึง 86,000 มื้อ เทียบเท่ากับการช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่บรรยากาศโลกได้ถึง 54,000 กิโลกรัม
นอกจากนี้ โรงแรมได้ทยอยติดตั้งเครื่องผลิตเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพแปรรูปขยะอินทรีย์จากห้องอาหาร ห้องครัว และขยะจากการจัดสวน ซึ่งสามารถเปลี่ยนขยะอินทรีย์ เพื่อเป็นเชื้อเพลิงแอลพีจีคำนวณจากเมื่อสิ้นปี 2561 เครื่องผลิตเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพนี้ได้ย่อยขยะอินทรีย์ไปแล้วกว่า 5,700 กิโลกรัม ซึ่งสามารถผลิตเป็นก๊าซชีวภาพเทียบเท่ากับเชื้อเพลิงแอลพีจีได้ถึง 262 กิโลกรัม
การเสริมความแข็งแกร่งให้ชุมชน
แผนยุทธศาสตร์ความยั่งยืนปี 2562 ของเซ็นทารามุ่งผลักดันการส่งเสริมชุมชนเกษตรกรและผู้ผลิตในท้องถิ่นที่โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราแต่ละแห่งตั้งอยู่ โดยทำงานร่วมกับเกษตรกรและฟาร์มขนาดเล็กเพื่อเพาะปลูกและจัดส่งวัตถุดิบในการประกอบอาหารให้แก่โรงแรม
บริษัทให้ความสำคัญกับการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มาจากการขนส่ง โดยโรงแรมแต่ละแห่งในเครือหันมาซื้อวัตถุดิบจากผู้ผลิตหรือผู้ปลูกในท้องถิ่นเป็นหลักถึงกว่าร้อยละ 70 ซึ่งนอกจากจะสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนใกล้เคียงแล้ว ยังทำให้วัตถุดิบที่นำมาประกอบอาหารมีคุณภาพสดใหม่อยู่เสมออีกด้วย
ด้านสิ่งแวดล้อม เซ็นทาราทำงานร่วมกับเอิร์ธเช็ค องค์กรผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินผลการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้กับองค์กรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมที่มีมาตรฐานสูงมาปรับใช้ในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันมีโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา จำนวน 15 แห่งที่ได้รับประกาศนียบัตรรับรองด้านสิ่งแวดล้อมดีเด่นจากเอิร์ธเช็ค และอีก 4 แห่งอยู่ในขั้นตอนการประเมิณผล ทั้งหมดนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และแก๊สเรือนกระจกอย่างครบวงจรมากขึ้นไปอีกขั้น
จากความเป็นผู้นำด้านการบริหารองค์กรอย่างยั่งยืน เมื่อไม่นานนี้ เซ็นทารา (ชื่อในตลาดหลักทรัพย์ CENTEL) จึงได้รับการยกย่องจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้เป็นบริษัทจดทะเบียนที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงมิติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม และมีจริยธรรม
โรงแรมต่างๆ ในเครือของเซ็นทารายังตั้งใจจริงในด้านการอนุรักษ์และลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจนได้รับการยกย่องจากหน่วยงานรัฐบาล อาทิ เซ็นทาราแกรนด์บีชรีสอร์ทและวิลลา หัวหิน และเซ็นทราบายเซ็นทารา มาริส รีสอร์ท จอมเทียน พัทยา ที่ได้รับรางวัลตรา สัญลักษณ์ G-Green Hotel ระดับประเทศในฐานะโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมระดับดีเยี่ยม ประจำปี 2562 จากกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม