กรุงเทพฯ--26 มี.ค.--สมุนไพรวังพรม
สมุนไพรวังพรม ปักหมุดสินค้าสมุนไพร ครองใจผู้บริโภคไทย-เทศ ชี้ตลาดสมุนไพรยังคึกคัก ดันยอดจำหน่ายปี 61 พุ่ง เร่งขยายฐานลูกค้า ตปท. นำร่องเปิดตลาดกลุ่มประเทศ CLMV พร้อมเตรียมบุกแดนมังกร - เกาหลีใต้ - ยุโรป หลังติดใจนวดไทยใช้ทาถูสุดผ่อนคลาย ตั้งเป้ายอดขายโตมากกว่า 50%
นางสาววัชรีภรณ์ วังพรม กรรมการบริหาร บริษัท สมุนไพรวังพรม จำกัด กล่าวว่า จากแนวโน้มตลาดผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ในปี 2562 ที่ยังคงสดใสและมีทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนสำคัญเป็นผลมาจากผู้บริโภคยุคใหม่หันมาใส่ใจสุขภาพ หันมามุ่งเน้นอุปโภคบริโภคสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบจากธรรมชาติ โดยเฉพาะเหล่าสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณอันหลากหลาย ซึ่ง Euromonitor–Herbal/Traditional Products in Thailand ได้ประเมินว่าภายในปี 2564 มูลค่าตลาดสมุนไพรไทยในประเทศ จะขยายตัวแตะมูลค่า 5.69 หมื่นล้านบาท (ข้อมูลจาก www.euromonitor.com อ้างอิงข้อมูลจากข่าว https://www.thaihealth.or.th/Content/43547-"สมุนไพรไทย"%20เติบโตขึ้นกว่า%2030%20.html) ขณะที่ตัวเลขการส่งออกสมุนไพรและสารสกัดในแต่ละปี ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่ามีมูลค่าสูงถึงปีละประมาณ 1 พันล้านบาท
นางสาววัชรีภรณ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบัน "สมุนไพรวังพรม" ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นยาสามัญประจำบ้าน และผ่านการรับรองมาตรฐานการผลิตต่างๆ อาทิ มาตรฐาน CODEX GMP คือ ระบบรับรองกระบวนการผลิตที่ดี เป็นมาตรฐานสากลที่ใช้กันทั่วโลก มาตรฐานการผลิตยาโบราณตามสุขลักษณะที่ดี (GMP) ใบรับรองเครื่องหมายฮาลาล และตรารับรองคุณภาพมาตรฐานโลก T Mark กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นต้น ทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อดำเนินการควบคู่ไปกับการปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ให้ดูทันสมัยน่าใช้งาน และเพิ่มสัดส่วนการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ รวมทั้งการขายผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้สามารถจำหน่ายสินค้าได้มากขึ้น โดยในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา สามารถเพิ่มยอดขายได้มากกว่าปีละ 17%
ดังนั้น เพื่อยกระดับคุณภาพมาตรฐานการผลิต ภายใต้แบรนด์ "สมุนไพรวังพรม" ให้ได้มาตรฐานที่สูงขึ้น สามารถจำหน่ายได้ทั่วโลกได้อย่างถูกกฎหมาย ขณะนี้สมุนไพรวังพรมจึงเร่งยกมาตรฐานการผลิตเทียบชั้นมาตรฐานสากล โดยล่าสุดได้ดำเนินการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ ภายใต้มาตรฐาน GMP PIC/S อันเป็นมาตรฐานการผลิตยาของประเทศในสหภาพยุโรป มาตรฐานเดียวกับโรงงานผลิตยาแผนปัจจุบัน เช่น พาราเซตามอล ตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่มีเป้าหมายปรับปรุงมาตรฐานการผลิตยา ของผู้ผลิตยาแผนโบราณขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมถึงผู้ผลิตที่ผลิตยาในรูปแบบที่มีความเสี่ยงต่ำในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการในช่วงปลายปี 2563
"ในปี 2561 ที่ผ่านมา สมุนไพรวังพรม สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 17% แบ่งเป็นขายตลาดในประเทศ 85% และตลาดต่างประเทศ 15% อย่างไรก็ตาม เราไม่หยุดนิ่งพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ ตามข้อกำหนดและมาตรฐานสากล เพื่อให้สามารถขยายการส่งออกได้มากขึ้น โดยปัจจุบันได้เข้าไปเปิดตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนแผนการในอนาคตตั้งเป้าขยายไปยังตลาดจีน เกาหลีใต้ รัสเซีย และยุโรป ขณะอยู่ในขั้นตอนการขึ้นทะเบียน ตามข้อกำหนดและกฎหมายแต่ละประเทศ ขณะเดียวกันยังมุ่งเพิ่มช่องทางจำหน่ายออนไลน์ ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถดันยอดขายได้มากขึ้น ราว 50 % ภายในระยะเวลา 5 ปี" นางสาววัชรีภรณ์ กล่าว
สำหรับผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ "สมุนไพรวังพรม" แบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม คือ กลุ่มยาดม กลุ่มยาสมุนไพร กลุ่มยาแคปซูล กลุ่มของใช้ส่วนตัว กลุ่มของชำร่วย และกลุ่มยาสำหรับนวด ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยเฉพาะ "ยาหม่องสูตรเสลดพังพอน" ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ด้วยกระปุกสีเขียว ช่วยแก้คันจากพิษแมลงสัตว์กัดต่อย มีกลิ่นหอมนวล-ละมุน และ "ยาหม่องสูตรไพล" กระปุกสีเหลือง ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้ดี โดยปัจจุบันถือเป็น 1 ใน 5 ผู้นำตลาดยาหม่องในประเทศ ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 3 พันล้านบาท โอกาสการเพิ่มยอดขายในสินค้ากลุ่มนี้ จึงมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง ในขณะที่ตลาดผู้บริโภคต่างชาตินั้นส่วนใหญ่ ชื่นชอบและติดใจจากการประสบการณ์ตรง หลังเข้ารับบริการร้านนวดแผนไทย จนเกิดเป็นกระแสปากต่อปาก
"หากเราสามารถผลักดันการส่งออก ไปยังตลาดต่างประเทศได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะในประเทศจีน เกาหลีใต้ รัสเซียและยุโรป เชื่อว่าแบรนด์จะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ซึ่งจุดเด่นของผลิตภัณฑ์สมุนไพรวังพรม คือการใช้สมุนไพรในท้องถิ่นมาผสานกับภูมิปัญหาชาวบ้าน มาผลิตเป็นยารักษาโรค ด้วยความเชี่ยวชาญและเป็นที่ยอมรับ สามารถคงคุณภาพมาได้ยาวนานกว่า 24 ปี จนเป็นที่รู้จักในฐานะต้นตำรับผู้ผลิตยาหม่องสมุนไพรอันดับหนึ่งของประเทศไทย" นางสาววัชรีภรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบจากภาครัฐนั้น กรรมการบริหาร บริษัท สมุนไพรวังพรม จำกัด เสนอว่า เนื่องจากสินค้าและผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยรูปแบบต่างๆ ส่วนใหญ่นำไปใช้ทาหรือรับประทานเข้าสู่ร่างกายโดยตรง ดังนั้น กระบวนการควบคุมตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะสามารถช่วยป้องกันสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือกล่าวอ้างสรรพคุณเกินจริง อันเป็นการทำลายชื่อเสียงและส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ ที่ดำเนินการตามมาตรฐานการผลิตและกฎหมายอย่างอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้หากมีการพิจารณาลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบคุณภาพสูงบางประการ ซึ่งจำเป็นต้องนำเข้าในปริมาณมาก เชื่อว่าจะช่วยผู้ประกอบการไทยให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง และสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศได้อีกจำนวนมาก