กรุงเทพฯ--29 ม.ค.--เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์
AP ยิ้มรับผลการดำเนินงานปี 2550 ยอดขายโตกว่าปีที่ผ่านมาเกือบ 100% สบายตัวด้วยยอด Backlog ที่รอรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องถึงปี 2554 ถึง 17,550 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าส่ง 13 โครงการ มูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาท ลงปูพรมทุกเซ็กเม้นต์ ทั้งซิตี้คอนโด ทาวน์เฮ้าส์ และบ้านเดี่ยว ตั้งเป้ายอดขายปี 2551 ที่ 15,000 ล้านบาท เป้ารับรู้รายได้คาดโตขึ้นประมาณ 15% ชี้ชัดตลาดปี 51 เป็นเวทีของ Big Player ที่เตรียมงัดไม้เด็ดด้านราคามาแข่งอย่างดุเดือด พร้อมเบียดรายกลางและรายเล็กตกขอบด้วยข้อได้เปรียบในทุกด้าน ชิมรางไตรมาสแรกด้วย “บ้านกลางเมือง Urbanion ลาดพร้าว-โชคชัย 4 ราคาเริ่มต้น 3.79 ล้าน
นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (AP) เปิดเผยถึงผลประกอบการปี 2550 ว่า บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้ จำนวน 15,675 ล้านบาท โตขึ้นจากยอดขายในปี 2549 ที่มียอดขาย จำนวน 8,072 ล้านบาท ถึง 94 % และคาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 7,000 -7,500 ล้านบาท สูงกว่าปี 2549 ซึ่งมีรายได้รวม 6,344 ล้านบาท ถึง 18% โดย ณ สิ้นปี 2550 บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมประมาณ 17,550 ล้านบาท โดยเป็นโครงการแนวสูง มูลค่า 14,545 ล้านบาท และโครงการแนวราบ มูลค่า 3,005 ล้านบาท ส่งผลให้ระหว่างปี 2550-2554 บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้อย่างต่อเนื่องจากการทยอยโอนกรรมสิทธิ์ในโครงการข้างต้น
โดยในปี 2550 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 8 โครงการ มูลค่ารวม 9,690 ล้านบาท โดยเป็นโครงการในแนวสูง จำนวน 7 โครงการ และแนวราบ จำนวน 1 โครงการ ซึ่งทุกโครงการของ AP ทั้งที่เปิด ตัวใหม่ในปี 2550 และโครงการที่เปิดขายต่อเนื่อง (On-Going Projects) ล้วนประสบความสำเร็จทางด้านยอดขาย โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์ Life ที่ทุกโครงการสามารถปิดการขายได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยจุดเด่นของทำเลที่ตั้งโครงการ การวางตำแหน่งของแบรนด์ที่สะท้อนภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ ตลอดจนการกำหนดแพ็คเกจราคาที่สอดรับกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายเป็นสำคัญ
สำหรับแนวทางการดำเนินงานในปี 2551 นั้น บริษัทฯ ได้กำหนดเป้าหมายทางด้านยอดขายไว้ที่ประมาณ 15,000 ล้านบาท และมีแผนการรับรู้รายได้ในอัตราที่เติบโตขึ้นจากปีก่อนประมาณ 15% โดยบริษัทฯ มีแผนการพัฒนาโครงการใหม่ในปี 2551 จำนวน 13 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 14,250 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนการพัฒนาโครงการแนวราบ 50% และแนวสูง 50% โดยในปีนี้บริษัทฯ มีแผนพัฒนาสินค้าประเภททาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวในเมืองให้มากยิ่งขึ้นกว่าในปีที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองความต้องการสินค้าประเภททาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยว โดยแบ่งเป็น 1) ทาวน์เฮ้าส์ จำนวน 6 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 3,870 ล้านบาท 2) คอนโดมิเนียม จำนวน 5 โครงการ มูลค่าประมาณ 8,380 ล้านบาท โดย 2 ใน 3 เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากการร่วมทุนกับกลุ่ม แปซิฟิค สตาร์ และ 3) บ้านเดี่ยว จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 2,000 ล้านบาท
โดยในไตรมาสแรก บริษัทฯ พร้อมเปิดตัวโครงการบ้านกลางเมือง Urbanion ลาดพร้าว-โชคชัย 4 ทาวน์เฮ้าส์ จำนวน 79 ยูนิต มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 3.79 ล้านบาท และไตรมาส 2 เตรียมเปิด Life Condo จำนวน 2 โครงการ คือ Life @ สุขุมวิท 67 มูลค่า 330 ล้านบาท และ Life @ MRT รัชดา มูลค่า 3,000 ล้านบาท และมีแผนเปิดตัวอีก 7 โครงการในไตรมาส 3 และอีก 3 โครงการในไตรมาสสุดท้ายของปี 2551
“ทั้งนี้ ความคืบหน้าของโครงการที่เกิดขึ้นจากการร่วมทุนระหว่างบริษัทฯ กับกลุ่มแปซิฟิค สตาร์ ผู้ดำเนินธุรกิจบริหารด้านการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรในภูมิภาคเอเชียนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนร่วมกัน โดยคาดว่าพร้อมเปิดตัวโครงการ ภายใต้ชื่อ Life @ MRT รัชดา มูลค่า 3,000 ล้านบาท และ The Address สาทร 12 ภายในช่วงไตรมาส 2 และไตรมาส 3 ของปี 2551 ตามลำดับ” นายอนุพงษ์ กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปีนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งสร้างความพิเศษและแตกต่างในธุรกิจด้วยวิธีการนำเสนอรูปแบบใหม่ๆ โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำเทรนด์ในการอยู่อาศัย (Trend Setter) ด้วยการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่โดนใจผู้บริโภค เช่นในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับบริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด ในการเป็นผลิตเฟอร์นิเจอร์ ภายใต้แบรนด์ Trend Design ให้มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบสนองความต้องการของคน Gen Y ด้วยรูปแบบงานดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะลูกค้า AP เท่านั้น รวมถึง บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญในการเลือกทำเลที่ตั้งโครงการ ที่โฟกัสเฉพาะทำเลที่อยู่ใจกลางเมือง เป็นทำเลที่ดีเยี่ยม เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ “Location in Location” ตลอดจนการกำหนดแพ็คเกจราคาที่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค
“สำหรับภาพรวมของตลาดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระหว่างปี 2551 กับปี 2550 ในแง่ของปัจจัยภาพนอกที่มีผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคยังคงไม่แตกต่างกันเท่าใด แต่สิ่งที่แตกต่างและน่ากังวลแทนผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็กในตลาดคือ เรื่องของการแข่งขัน ซึ่งในปีนี้จะรุนแรงและดุเดือดกว่าในปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน โดยในปีนี้จะเป็นเวทีของผู้ประกอบการรายใหญ่ (Big Player) ที่พร้อมกระโดดลงแข่งขันเพื่อชิงเค้กในตลาด ด้วยจุดแข็งที่ได้เปรียบกว่าผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็ก โดยเฉพาะในเรื่องของความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ (Economy Of Scale) ที่เป็นหัวใจสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ความน่าเชื่อถือของบริษัทในการพิจารณาปล่อยสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ตลอดจนความสามารถในการบริหารค่าใช้จ่ายบริการหลังการขาย ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นกำแพงที่ผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็กยากจะก้าวผ่าน ดังนั้น ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีจึงเป็นปีแห่งการแข่งขันของผู้ประกอบการรายใหญ่ ที่พร้อมงัดไม้เด็ดมาแย่งเค้กในตลาด กันอย่างดุเดือด ซึ่งท้ายสุดผลประโยชน์ก็จะเป็นของผู้บริโภคที่จะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุดนั้นเอง” นายอนุพงษ์ กล่าวเพิ่มเติม
เสาวนีย์ จีระเดชาธรรม ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
โทร. 081 699 6779 saowanee@ap-thai.com