กรุงเทพฯ--1 เม.ย.--โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์
จิตแพทย์ แนะวิธีการใช้ชีวิตหน้าร้อนให้สบายๆ 3 ประการ คือฝึกติดเบรกอารมณ์โกรธโมโหให้อยู่ โดยใช้การถามใจตัวเอง ทำให้ตั้งสติได้และใจเย็นลง ดื่มน้ำเปล่าสะอาดให้เพียงพอวันละ 2 ลิตรครึ่งเพื่อป้องกันสมองขาดน้ำ จะช่วยลดระดับฮอร์โมนที่กระตุ้นให้เกิดความเครียดได้ดี และหลีกเลี่ยงดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และแอลกอฮอล์ จะช่วยให้สมองผ่อนคลาย มีสมาธิขึ้น
นายแพทย์กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ จ.นครราชสีมา ให้สัมภาษณ์ว่า ในช่วงที่สภาพอากาศร้อนอบอ้าวขณะนี้ อาจมีผลให้ประชาชนไม่สบายตัว มีอารมณ์หงุดหงิด เกิดความเครียดได้ง่ายหรือโกรธง่ายกว่าปกติ ซึ่งมักจะเกิดเมื่อเราตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ ที่พบได้บ่อยคือเหตุบนท้องถนนที่มีการจราจรคับคั่ง เช่นขับรถปาดหน้ากัน หรือถูกเอาเปรียบ หากไม่สามารถควบคุมได้ อาจนำไปสู่ปัญหาต่างๆทั้งความสัมพันธ์ส่วนบุคคล ปัญหาที่ทำงาน ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ความโกรธจะนำไปสู่การเพิ่มความเครียด และในทำนองเดียวกันความเครียดก็มักจะทำให้มีความโกรธเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากขณะที่เราเกิดอารมณ์โกรธ ต่อมแอดรีนัลของร่างกาย จะขับสารคัดหลั่งชื่อแอดรีนาลินออกมาสู่กระแสโลหิต สารนี้จะไปกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น หากเกิดในผู้เป็นโรคความดันโลหิตสูงอยู่เดิม อาจเพิ่มความเสี่ยงอันตราย อาจทำให้เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกได้
นายแพทย์กิตต์กวี กล่าวว่า ในการดำเนินชีวิตให้สุขสบายท่ามกลางสภาพอากาศร้อน มีข้อแนะนำให้ประชาชนปฏิบัติ 3 ประการ ประการแรกคือ ควรฝึกการติดเบรก ควบคุมอารมณ์และจัดการกับความโกรธของตัวเองให้ได้ โดยใช้วิธีฝึกการถามใจตัวเอง 4 ข้อคือ 1. เรื่องที่โกรธอยู่นี้สำคัญต่อตัวเราเองมากน้อยแค่ไหน 2. ถ้าเราตอบโต้อะไรลงไปทันทีตามความโกรธ จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต 3. ลองถามตัวเองว่า เราเคยทำสิ่งเดียวกับที่คนอื่นทำกับเราในวันนี้หรือไม่ และ4. ให้ลองคิดแบบมีเหตุมีผลว่าเขาอาจมีความจำเป็นจึงทำเช่นนั้น การถามใจตัวเองนี้ จะช่วยประวิงเวลา ให้เราได้ทบทวนตัวเอง ทำให้ใจเย็นลง ตั้งสติได้ ไม่หุนหันพลันแล่น และมองเห็นปัญหานั้นเล็กลง ผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้จากการถามใจตัวเอง ก็คือการให้อภัย การปล่อยวาง จะทำให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
ประการที่ 2 คือ ดื่มน้ำเปล่าสะอาดให้เพียงพอ คือวันละประมาณ 2,500 ซี.ซี.หรือ 2 ลิตรครึ่ง การดื่มน้ำจะเป็นการเติมน้ำหรือให้อาหารแก่สมอง เนื่องจากสมองของคนเราจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบถึงร้อยละ 80 หากขาดน้ำเพียงเล็กน้อย ก็สามารถทำให้ระดับฮอร์โมนที่กระตุ้นให้เกิดความเครียดเพิ่มสูงขึ้น มีผลต่อการทำงานของอวัยวะภายในผิดปกติ และในระยะยาวอาจทำให้สมองถูกทำลายได้
ประการที่ 3 คือหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของสารปรุงแต่ง เช่นสารให้ความหวาน น้ำตาล แอลกอฮอล์ และสารคาเฟอีน จะถือว่าดีที่สุด มีผลดีต่อการทำงานของสมอง สมองเกิดการผ่อนคลาย เกิดสมาธิดียิ่งขึ้น และจิตใจสบายขึ้น นายแพทย์กิตต์กวีกล่าว