“พรานทะเล” โชว์ยอดขายปี 2550 ทะลุเป้า 1,000 ล้านบาท มุ่งตอกย้ำแบรนด์ “Healthy with Innovation — นวัตกรรมอาหารทะเลเพื่อสุขภาพ”

ข่าวทั่วไป Wednesday January 30, 2008 09:34 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--30 ม.ค.--เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์
พรานทะเล” โชว์ยอดขายปี 2550 ทะลุเป้า 1,000 ล้านบาท มุ่งตอกย้ำแบรนด์ “Healthy with Innovation — นวัตกรรมอาหารทะเลเพื่อสุขภาพ” เดินหน้าขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ
บริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้นำนวัตกรรมตลาดอาหารทะเลแช่แข็ง ภายใต้แบรนด์ “พรานทะเล” เผยยอดขายในปี 2550 ฉลุยเกินกว่า 1,000 ล้านบาท เร่งเดินหน้า ชูคอนเซ็ปต์ “Healthy with Innovation” ตอกย้ำความเป็นอาหารทะเลเพื่อสุขภาพที่มีนวัตกรรมใหม่กว่า 100 SKU ปรับแพ็คเกจจิ้งอิงกระแสลดโลกร้อน พร้อมขยายฐานการส่งออกจับประเทศกำลังซื้อสูง ทั้งญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง - ซาอุดิอาระเบีย และอินเดีย ตั้งเป้าหมายยอดขายปี 2551 กว่า 1,200 ล้านบาท
นายอนุรัตน์ โค้วคาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาดและฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้นำนวัตกรรมตลาดอาหารทะเลแช่แข็งภายใต้แบรนด์ “พรานทะเล” เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ในสิ้นปี พ.ศ. 2550 มียอดขายรวมเกินกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้น 25% จากปี พ.ศ.2549 นับเป็นการเติบโตตามเป้าหมายและต่อเนื่องตลอดระยะเวลาในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ ได้วางทิศทางกลยุทธ์การสร้างการรับรู้ต่อผู้บริโภค ส่งผลให้เกิดการยอมรับและทดลองใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นตลอดระยะเวลาตรงตามที่เป้าหมายที่ได้วางไว้ สำหรับในปี 2551 บริษัทฯ ได้ดำเนินการวางเป้าหมายยอดขายมูลค่า กว่า 1,200 ล้านบาท หรืออีกเพิ่มขึ้นอีก 20 %
สาเหตุที่บริษัทฯ มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น นอกเหนือจากการใช้กลยุทธ์การตอกย้ำความเป็นผู้นำเสนอด้านนวัตกรรมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารทะเลใหม่ๆ ที่ตอบสนองตรงกับความต้องการของผู้บริโภคตลอดเวลาอย่างไม่หยุดนิ่ง อาทิ หมวดอาหารทะเลแช่แข็งพร้อมปรุง ที่คัดสรรอาหารทะเลใหม่ๆ ทั้งปลาทั้งตัว หรือกุ้งก้ามกราม ซึ่งหมวดอาหารทะเลแช่แข็งพร้อมปรุงนี้ ในปี 2550 มีมูลค่าตลาดรวม 450 ล้านบาท โดยพรานทะเลมียอดขาย 320 ล้านบาท หรือคิดเป็น 71.11% ของมูลค่าตลาดรวม ทางด้านหมวดอาหารทะเลแช่แข็งพร้อมทาน มีการออกเมนูใหม่ ทั้งสปาเก็ตตี้ ไส้กรอกอีสาน อูด้ง ขนมจีนน้ำยา เป็นต้น โดยทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดนี้ในปีที่แล้ว พบว่า มีการแข่งขันที่สูงมากเนื่องมาจากการเข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่องของคู่แข่งที่มองเห็นช่องว่างในตลาด ซึ่งผู้บริโภคสินค้าในกลุ่มนี้มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็ว ส่วนใหญ่จะสนใจเรื่องความหลากหลายและความแตกต่างของเมนู รวมไปถึงรสชาติของอาหารเป็นสำคัญ ซึ่งตรงนี้ถือเป็นความแตกต่างที่ทางพรานทะเลสามารถชูความเป็นหนึ่งในหมวดสินค้านี้ได้ เพราะสามารถออกสินค้าได้ครบตามความต้องการและตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค โดยในปี 2550 พรานทะเลสามารถทำยอดขายในตลาดนี้ได้กว่า 330 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.25% ของมูลค่าตลาดรวม ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาท สำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มซูชิที่ได้ดำเนินการเปิดแบรนด์ ‘I LOVE SUSHI by Prantalay” ฉบับต้นตำรับรสชาติแบบญี่ปุ่นแท้ๆ ในระดับพรีเมี่ยม ทั้งแบบจำหน่ายในโมเดิร์นเทรดและแบบเดลิเวอรี่ ซึ่งยอดขายของสินค้ากลุ่มนี้ในปีที่แล้วอยู่ที่ประมาณ 350 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63.64% ของมูลค่าตลาดรวมในโมเดิร์นเทรดที่มีอยู่ประมาณ 550 ล้านบาท นอกจากนี้การขยายตัวของช่องทางการจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นของโมเดิร์นเทรดต่างๆ ที่สอดคล้องกับชีวิตของผู้บริโภคสมัยใหม่ ได้แก่ เทสโก้โลตัส บิ๊กซี คาร์ฟูร์ เซเว่นอีเลฟเว่น เป็นต้น ได้อัตราการเติบโตขึ้นประมาณ 10 - 20 % ซึ่งมีผลทำให้ปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ”พรานทะเล” ทั้งในรูปแบบพร้อมปรุงและพร้อมทานแบบแช่แข็งและชิลล์ขยายตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
นายอนุรัตน์กล่าวต่อไปว่า แผนกลยุทธ์การตลาดของพรานทะเลในปี พ.ศ. 2551 ยังคงมุ่งเน้นตอกย้ำความเป็นผู้นำเสนอนวัตกรรมใหม่ของผลิตภัณฑ์อาหารทะเลพร้อมปรุงและพร้อมทาน ควบคู่กับสร้างความชัดเจนในเรื่องอาหารทะเลเพื่อสุขภาพมากขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Healthy with Innovation” นวัตกรรมอาหารทะเลเพื่อสุขภาพ ที่ครอบคลุมทั้ง 3 หมวดหลัก แต่ยังคงความสะดวกรวดเร็วตรงตามความต้องการของผู้บริโภค และเน้นย้ำให้การสร้างความแตกต่างที่ชัดเจนกับแบรนด์คู่แข่ง อาทิ การระบุคุณค่าโภชนาการ (Nutrition Fact) ของผลิตภัณฑ์บนกล่องที่ร่างกายจะได้รับในการบริโภคต่อครั้ง การสร้างความแข็งแกร่งของทีม R&D ที่ต้องการผลิตและนำเสนอรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ดำเนินการการทดสอบความพึงพอใจของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างและขยายฐานข้อมูล พร้อมทั้งขยายผลสืบเนื่องไปยังกลุ่มเป้าหมายเก่าที่เป็นสมาชิกและกลุ่มเป้าหมายใหม่ในอนาคต พร้อมทั้งได้วางแผนการออกแบบแพคเกจจิ้งในรูปแบบใหม่ ที่เน้นใช้วัสดุแบบชีวภาพเป็นมิตรกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อนอีกด้วย
“ในปีนี้ ‘พรานทะเล’ ได้วางแผนการเพิ่มจุดจำหน่ายให้มากขึ้น เช่น บริเวณพื้นที่ด้านหน้าของซุปเปอร์มาร์เก็ต (Super out) เป็นสินค้าพร้อมรับประทาน ได้แก่ ไส้กรอก ลูกชิ้นแบบทอด และซูชิ ซึ่งเป็นจุดที่สามารถเพิ่มยอดขายได้อีกบริเวณหนึ่ง จากจุดจำหน่ายเดิมภายในโมเดิร์นเทรดที่มีอยู่ 300 จุด ขณะเดียวกัน ด้าน ‘I LOVE SUSHI by Prantalay” มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างน่าพอใจ เน้นการขยายฐานการบริโภคเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนที่จำหน่ายในโมเดิร์นเทรด และแบบ เดลิเวอรี่ โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีหลังจากที่เพิ่งเปิดตัวในปลายปีที่ผ่านมา ทั้งชาวไทยและชาวญี่ปุ่นที่อยู่ในย่านสุขุมวิท ซึ่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 20% เนื่องจากเป็นซูชิในระดับพรีเมี่ยม ใช้วัตถุดิบเกรด A และควบคุมการผลิตให้มีคุณภาพตรงตามมาตรฐานการบริโภคของชาวญี่ปุ่นในประเทศไทย โดยในปีนี้คาดว่าธุรกิจนี้น่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 30% จากปัจจุบันที่มีมูลค่าตลาดของอาหารซูชิในภัตตาคาร มูลค่ารวมกว่า 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็นในโมเดิร์นเทรดประมาณ 500 -600 ล้านบาท โดยจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของอาหารในหมวดซูชิ เป็นลักษณะฟิวชั่น ให้เหมาะสมกับคนไทย โดยเน้นการปรับสีสันให้น่ารับประทานมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีการขยายการรับรู้ไปทั่วทุกภูมิภาค
ซึ่งในปัจจุบัน พรานทะเล มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่เน้นกระจายผลิตภัณฑ์ให้เข้าถึงผู้บริโภคทั่วประเทศกว่า 6,500 จุด แบ่งเป็นร้านค้าเล็กในแหล่งชุมชนต่างๆ เกือบ 6,000 จุด นอกนั้นเป็นจุดจำหน่ายในโมเดิร์นเทรด คอนวีเนี่ยนสโตร์ และมินิมาร์ท และคาดว่าในปีนี้จะสามารถขยายจุดจำหน่ายได้ถึง 7,500 จุด
นอกจากนี้ หลังจากที่ได้เริ่มขยายตลาดส่งออกไปยังกลุ่มประเทศญี่ปุ่นในปีที่ผ่านมา ประมาณ 800 ตัน ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ในปีนี้ ‘พรานทะเล’ จะเพิ่มปริมาณการส่งออกกุ้งไปยังประเทศญี่ปุ่น ประมาณ 1,200 ตันนอกจากนี้ ได้ริเริ่มการขยายการส่งออกแบบต่อเนื่องไปยังประเทศในเอเชียมากขึ้น อาทิ เข้าไปขยายตลาดในประเทศอินเดีย โดยตอนนี้ได้เจรจาร่วมลงทุนกับกลุ่มบริษัท Shrishaki Group ในรูปแบบการซื้อแฟรนไชน์ เพื่อเปิดร้านพรานทะเล ซึ่งสามารถแบ่งภายในร้านออกเป็น 2 ส่วน คือ ภัตตาคารและร้านจำหน่ายสินค้า มีประมาณ 11 จุด ตามหัวเมืองใหญ่ โดยคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ 10 ล้านบาทต่อเดือน สำหรับการขยายตลาดในตะวันออกกลาง — ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีศักยภาพด้านตลาดการบริโภคอาหารทะเลและมีกำลังซื้อที่สูง คาดว่าจะสามารถส่งผลิตภัณฑ์ของพรานทะเลในรูปแบบภาษาอาหรับไปขายได้ในช่วงเทศกาลประกอบพิธีฮัจญ์ โดยผลิตภัณฑ์ที่ส่งไปจะอยู่ในหมวดอาหารแช่แข็งพร้อมทาน และสามารถเพิ่มรายได้อีกประมาณ 10 ล้านบาท
ส่วนการดำเนินกิจกรรมการด้านการสื่อสารการตลาด ทั้งโฆษณาประชาสัมพันธ์ กิจกรรมส่งเสริมการขาย (Event) และการส่งข้อมูลต่างๆ (Direct Marketing) เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคในปีนี้ ได้ตั้งงบประมาณไว้ 30 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตอกย้ำในเรื่องคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่เป็นอาหารทะเลเพื่อสุขภาพที่มีนวัตกรรมใหม่ (Healthy with Innovation) ทั้งสด สะอาด ได้มาตรฐาน ควบคู่กับการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ๆ ให้เพิ่มขึ้นอีกด้วย จากปัจจัยและกลยุทธ์ในการดำเนินงานในปีนี้ ทำให้ผมเชื่อมั่นว่า ‘พรานทะเล’ จะสามารถสร้างยอดขายได้ไม่น้อยกว่า 1,200 ล้านบาทอย่างแน่นอน” นายอนุรัตน์กล่าว
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม :
เจดับบลิวที พับบลิค รีเลชั่นส์, เจดับบลิวที ประเทศไทย
คุณประสิทธิ์ กฤษฎาอริยชน (บ๊อบ) โทร. 02-204-8216 มือถือ 081-586-2813 หรือ
คุณพรทิพย์ วิริยะกิจพัฒนา (บี) โทร. 02-204-8214 มือถือ 086-813-1981

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ