กรุงเทพฯ--2 เม.ย.--เอ็น.ดี.รับเบอร์
"ชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา" เอ็มดี บมจ.เอ็น.ดี.รับเบอร์ หรือ NDR เผยปี 62 ทุ่มงบ 30-50 ลบ. ลงทุนระบบออโตเมชั่น เพื่อลดต้นทุนแรงงานเหลือ 12% ดันมาร์จิ้นและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ปักธงลุยขยายตลาดต่างประเทศ ทั้งมาเลเซีย เวียดนาม ลาว ผลักดันผลประกอบการปีนี้สดใส
นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2562 ว่า บริษัทฯเตรียมงบลงทุนไว้ที่ 30-50 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนปรับเปลี่ยนโรงงานให้เป็นระบบออโตเมชั่น ซึ่งเป็นตามแผนที่ต้องการลดต้นทุนด้านแรงงาน และช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไร รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทฯมีเป้าหมายลดต้นทุนแรงงานเหลือ 12% จากเดิมที่มีต้นทุนแรงงาน 17% ของต้นทุนรวม
"การลงทุนระบบออโตเมชั่นเป็นการลงทุนต่อเนื่องจากปีก่อน ที่ได้ดำเนินการติดตั้งปรับเป็นระบบออโตเมชั่นแล้วทั้งสิ้น 3 จุด ทำให้ลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 1.8 ล้านบาท/ปี โดยปีนี้ถ้าเป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่วางไว้จะสามารถลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 5-10 ล้านบาท/ปี ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯได้ในอนาคต" นายชัยสิทธิ์ กล่าว
นายชัยสิทธิ์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯยังคงเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยในส่วนของตลาดมาเลเซียจะปรับให้เป็น Professional Trading ของสินค้าเกี่ยวกับมอเตอร์ไซด์ ด้วยการหาประเภทสินค้าเข้ามาเพิ่มขึ้น และขยายตลาดในประเทศเวียดนามกับอินโดนีเซีย รวมถึงลาว ซึ่งปีก่อนมีอัตราการเติบโตที่ดี โดยประเมินว่าตลาดในลาวยังมีศักยภาพเติบโตได้ดี ซึ่งตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ปีนี้ แบ่งเป็น ต่างประเทศ 60% และในประเทศ 40% จากปีก่อนที่มีสัดส่วนต่างประเทศ 50% และในประเทศ 50%
"ตลาดในประเทศมีการแข่งขันสูง แต่อย่างไรก็ตามเรายังมีรายได้มาจากต่างประเทศ ทำให้ช่วยลดผลกระทบและกระจายความเสี่ยงของรายได้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้เรามีแผนการจัดโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการซื้อให้เพิ่มขึ้น ทำให้เชื่อมั่นว่าผลประกอบการในปีนี้จะอยู่ในระดับที่ดี" นายชัยสิทธิ์ กล่าว
อนึ่ง ล่าสุดที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติการจ่ายปันผลเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 26 เมษายน 2562 โดยผลการดำเนินงานในปี 2561 ที่ผ่านมาบริษัทฯมีรายได้อยู่ที่ 973.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.56% จากปีก่อนที่มีรายได้ 820.92 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 28.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70.07% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 16.87 ล้านบาท