กรุงเทพฯ--3 เม.ย.--โพลีพลัส พีอาร์
หากกล่าวถึง วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร หรือ วัดโพธิ์ แน่นอนว่าทุกคนย่อมรู้จัก เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นวัดประจำพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) แห่งราชวงศ์จักรี ซึ่งวัดโพธิ์นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแล้ว ยังถือเป็นมหาวิทยาลัยแรกในประเทศไทย ที่รวบรวมความรู้ด้านต่างๆ ทั้งประวัติศาสตร์ วรรณกรรม ภูมิปัญญาไทยไว้ให้ลูกหลานได้เรียนรู้มากมาย ซึ่งสำหรับคนที่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบ One Day Trip เอไอเอสจึงไม่พลาดขอพาชม 5 ไฮไลท์พิเศษของวัดโพธิ์กับกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ "เอไอเอส เปิดเสน่ห์เมืองไทย กับ อ.เผ่าทอง ทองเจือ" กูรูชื่อดังด้านประวัติศาสตร์ อาสาพาไปสัมผัสเสน่ห์ของประเทศไทยและความงดงาม ในมุมที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งจะจัดขึ้นในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ประเดิมกิจกรรมแรก "ชมวังเก่า เล่าเรื่องสร้างกรุง" ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กรุงเทพฯ
โดยเปิดไฮไลท์แรกไปกับ พระวิหารพระพุทธไสยาส เมื่อใครเข้ามาแล้วก็ต้องตะลึงไปกับความงดงามและยิ่งใหญ่ของพระนอน เพราะเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทองเหลืองอร่ามทั้งองค์ ซึ่งพระพุทธไสยาสวัดโพธิ์นั้นมีความแตกต่างกับพระพุทธไสยาสองค์อื่นๆ โดยมีเอกลักษณ์พิเศษคือพระบาทของท่านทั้ง 2 ข้างเสมอกัน แต่ที่โดดเด่นคือภาพมงคล 108 ประการ พร้อมลวดลายประดับมุก อยู่บริเวณพระบาท อันเป็นลายศิลปะไทยกับจีนผสมผสานกลมกลืนอย่างประณีต ภายในวิหารยังมีจิตกรรมฝาผนังที่ถ่ายทอดตำนานต่างๆ อาทิ ประวัติของภิกษุณี, พงศาวดารลังกา เป็นต้น และยังมีแผ่นจารึกตกแต่งไว้สวยงาม เรียกได้ว่าถ้าใครมาถึงวัดโพธิ์แล้วไม่ได้เข้ามาชมพระวิหารพระพุทธไสยาส ถือว่าพลาดสุดๆ
ถัดมาคือ พระมหาเจดีย์สี่รัชกาล มหาเจดีย์ขนาดใหญ่ 4 องค์ ที่ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว และซุ้มประตูโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์จีน โดยมีตุ๊กตาหินแบบจีน ประดับอยู่ข้างประตูละ 1 คู่ ส่วนองค์พระเจดีย์นั้น เป็นเจดีย์ย่อไม้สิบสอง ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบลวดลายประณีตงดงาม เป็นเจดีย์ที่มีความพิเศษ เพราะเป็นพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 1-4 มีชื่อเรียกอันไพเราะ โดยพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 1 นามว่า "พระมหาเจดีย์ศรีสรรเพชดาญาณ" พระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 2 นามว่า "พระมหาเจดีย์ดิลกธรรมกรกนิทาน" พระมหาเจดีย์ ประจำรัชกาลที่ 3 นามว่า "พระมหาเจดีย์มุนีบัตบริขาร" และพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 4 นามว่า "พระมหาเจดีย์ทรงพระศรีสุริโยทัย"
ต่อมาคือ พระอุโบสถ ถูกสร้างขึ้นในรัชกาลที่ 1 ตามแบบศิลปะอยุธยาตอนปลาย ซึ่งภายในพระอุโบสถจะประดิษฐาน "พระพุทธเทวปฏิมากร" โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มหาราช ทรงอัญเชิญมาจากวัดศาลาสี่หน้า ด้วยประสงค์ตั้งมั่นว่าจะตั้งกรุงเทพฯ เป็นพระนครอย่างถาวร คนทั่วไปที่มาสักการะเชื่อกันว่าการมากราบไหว้ขอพรต่อ "พระพุทธเทวปฏิมากร" จะช่วยให้โชคดี และเกิดความสงบจิตสงบใจ
ตามมาด้วยอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือ ตำหนักวาสุกรี เป็นตำหนักที่เคยเป็นที่ประทับของ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้าองค์ที่ 7 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และทรงเป็นเจ้านายชั้นสูงพระองค์แรกที่ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชเจ้า พระผู้ทรงเป็นรัตนกวีของชาติ ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานพระโกศทรงฝรั่งบรรจุพระอัฐิของพระองค์ท่านด้วย ซึ่งถ้าหากใครได้เข้ามาชมความงดงามของตำหนักวาสุกรีนับว่าเป็นความโชคดี ที่ได้เห็นมรดกทางวัฒนธรรมไทยอันทรงคุณค่า
ปิดท้ายด้วย พระวิหารคด หรือ พระวิหารคดพระพุทธเจ้าเข้านิพพาน เป็นศาสนสถานที่สร้างขึ้นเพื่อแสดงเขตพุทธสถานสำคัญ มีลักษณะเป็นพระอุโบสถหรือพระเจดีย์รูปคดแบบหักศอก ใช้ประดิษฐานพระพุทธรูปที่พุทธศาสนิกชนสร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธบูชา และยังใช้เป็นที่ให้พระภิกษุสงฆ์เดินจงกรม ภายในพระวิหารคดยังมีพระพุทธรูปปางถวายพระเพลิงสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งหาชมได้ยากในประเทศไทย
นอกเหนือจากไฮไลท์ทั้ง 5 ห้ามพลาดเมื่อมาวัดโพธิ์แล้ว ยังมีสิ่งน่าสนใจอีกหลายอย่าง เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากมายให้เหล่าคนรุ่นหลังได้ศึกษา นับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และโบราณสถานอันทรงคุณค่าที่ครั้งหนึ่งในชีวิตควรมาสัมผัส
ใครไม่อยากพลาดกิจกรรมดี ๆ สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ www.ais.co.th/activity