กรุงเทพฯ--4 เม.ย.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เผยเครื่องยนต์ไทรอัมพ์ 765 ซีซี สามารถสร้างสถิติใหม่ในการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์รายการ Moto2 ประจำฤดูกาล 2019 รอบที่สอง ณ สนาม Termas de Rio Hondo ประเทศอาร์เจนตินา โดย Lorenzo Baldassarri ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในการแข่งขันด้วยเวลาที่ 51.5 วินาที ซึ่งเป็นเวลาที่เร็วกว่าเมื่อปี 2018 พร้อมกันนี้นักแข่งที่ผ่านรอบคัดเลือกทั้ง 19 คน ยังสามารถทำความเร็วได้ดีกว่าเวลาที่ชนะเลิศการแข่งขันของปีที่แล้วอีกด้วย
มร.สตีฟ ซาร์เจนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ กล่าวว่า "จากสถิติในรอบเปิดสนามสองรอบแรกของการแข่งขัน Moto2 ซึ่งถือเป็นฤดูกาลการแข่งขันแรกของไทรอัมพ์ ได้แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ โดยไทรอัมพ์ไม่ขออะไรไปมากกว่านี้ โดยเฉพาะการแข่งขันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกครั้งที่ได้เห็นการแข่งรถที่สูสี รวมถึงการแสดงฝีมืออย่างเหลือเชื่อของนักแข่งในการสร้างสถิติใหม่ในอาร์เจนตินาเฉกเช่นเดียวกับในกาตาร์ โดยไทรอัมพ์รู้สึกภาคภูมิใจในประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ และการที่นักแข่ง19 อันดับแรก สามารถทำเวลาได้เร็วกว่าเวลาที่ชนะการแข่งขันในปีที่แล้วในอาร์เจนตินา แสดงให้เห็นว่าเครื่องยนต์ไทรอัมพ์ 765 ซีซี สามารถให้พละกำลังกับนักแข่งมากขึ้นเท่าใดในการแข่งขันปีนี้"
สำหรับการแข่งขันรอบที่สองของศึกรถมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์รายการ Moto2 ฤดูกาล 2019 ณ ประเทศอาร์เจนตินาเป็นอีกหนึ่งการแข่งขันที่น่าตื่นเต้น โดยมีการทำรอบสถิติการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นโดยใช้รถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เครื่องยนต์ไทรอัมพ์ 765 ซีซี โดยการแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้นที่สนาม Termas de Rio Hondo หลังจากการชนะที่ขาดลอยและการสร้างสถิติมากมายในการแข่งขันรอบเปิดสนามที่กรุงกาตาร์เมื่อสามสัปดาห์ก่อน
โดยในรอบคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันสี่อันดับแรก สามารถทำเวลาได้อย่างสูสีและใกล้เคียงกับรอบสถิติที่ Johann Zarco ได้ตั้งไว้ในปี 2015 และนักแข่ง 22 อันดับแรกเข้ารอบด้วยเวลาที่ห่างกันไม่ถึงหนึ่งวินาที ทั้งนี้การแข่งขันดำเนินมาถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยมีผู้ที่ผ่านรอบคัดเลือก 19 คนที่ทำความเร็วได้สูงกว่าเวลาที่ชนะการแข่งขันของปีที่แล้วในสภาพสนามที่คล้ายกัน อย่างไรก็ตามสถิติใหม่ของการแข่งขันที่เกิดขึ้น ประกอบด้วย
- New Pole Position Record ได้แก่ Xavi Vierge ด้วยเวลา 1 นาที 42.726 วินาที
- Circuit Best lap ได้แก่ Marcel Schrotter ด้วยเวลา 1 นาที 42.693 วินาที
- ผู้ชนะการแข่งขันประจำปี 2019 ได้แก่ Lorenzo Baldassarri ทำเวลาได้เร็วกว่าในปี 2018 51.5 วินาที
- นักแข่ง 19 อันดับแรกสามารถทำความเร็วได้ดีกว่าเวลาชนะการแข่งขันของปีที่แล้ว
ทั้งนี้ Lorenzo Baldassarri ผู้ชนะการแข่งขันที่กาตาร์และผู้นำการแข่งขันชิงแชมป์ออกตัวจากแถวสามในตำแหน่งที่แปดแต่ไม่เสียเวลาในการฝ่าฟันผ่านสนามแข่งและขึ้นนำเป็นอันดับสี่ในรอบเปิดการแข่งขัน และด้วยความสูสีกับนักบิดคนอื่น ๆ ในสนาม Lorenzo Baldassarri สามารถขึ้นนำ Remy Gardner ซึ่งเป็นผู้ที่ทำรอบการแข่งขันได้เร็วที่สุดในรอบที่ 19 และ Remy Gardner ขึ้นนำในรอบที่ 14 และ 23 โดยมี Marcel Schrotter สลับขึ้นนำในห้ารอบการแข่งขัน แต่ Lorenzo Baldassarri กลับเป็นผู้ขึ้นนำในสี่รอบสุดท้ายและคว้าธงพร้อมตำแหน่งชัยชนะในการแข่งขันชิงแชมป์ครั้งนี้
อย่างไรก็ตามเครื่องยนต์ไทรอัมพ์ Moto2 แบบ 3 สูบ ขนาด 765 ซีซี พัฒนามาจากเครื่องยนต์ที่ติดตั้งอยู่ในไทรอัมพ์ สตรีท ทริปเปิล อาร์เอส (Street Triple RS) โดยสามารถแสดงให้เห็นถึงพละกำลังมากกว่า 140 แรงม้า รวมทั้งเสียงของเครื่องยนต์อันทรงพลังได้อย่างน่าทึ่ง โดยผู้สนใจสามารถติดตามการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์รายการ Moto2 อันน่าตื่นเต้นและดุเดือดได้ที่การแข่งขันกรังด์ปรีซ์ของอเมริกา ซึ่งการแข่งขันครั้งต่อไปจะจัดขึ้นในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายนนี้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.triumphmotorcycles.co.th ตลอดจนติดตามข่าวสารและกิจกรรมได้ที่ www.facebook.com/TriumphMotorcyclesThailand
หมายเหตุถึงกองบรรณาธิการ
เกี่ยวกับ ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์:
ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ เป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดของประเทศอังกฤษ ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1902 มีพนักงานทั่วโลกราว 2,000 คน มีบริษัทสาขาทั้งในประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน อิตาลี ญี่ปุ่น สวีเดน กลุ่มประเทศเบเนลักซ์ บราซิล อินเดีย และไทย ซึ่งทางบริษัทเข้ามาทำการตลาดและจัดจำหน่ายในนาม บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ตั้งแต่ปี 2015 มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการกว่า 620 รายทั่วโลก บริษัทฯ มีฐานการผลิตจักรยานยนต์เต็มรูปแบบ 2 แห่งที่ฮิงค์ลีย์ เขตเลสเตอร์ไซร้ ประเทศอังกฤษ และที่ประเทศไทย รวมทั้งมีโรงงานประกอบรถจักรยานยนต์แบบ CKD (Completely Knocked Down) ในประเทศบราซิล และประเทศอินเดีย ปัจจุบันมีการผลิตรถจักรยานยนต์ราว 65,000 คันต่อปี โดยหัวใจหลักในการทำงานของ ไทรอัมพ์ คือ การมุ่งมั่นสร้างสรรค์รถจักรยานยนต์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ผสมผสานงานออกแบบที่สวย คลาสสิก ร่วมสมัย เข้ากับความแม่นยำในการควบคุมรถ และสมรรถนะอันเป็นเลิศ เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ