กรุงเทพฯ--30 ม.ค.--กบข.
กบข. โชว์ผลตอบแทนจากการดำเนินงานตลอดปี 50 ทะลุเป้าถึงร้อยละ 9.22 เชื่อเศรษฐกิจปี 51 ทั่วโลกยังคงได้รับผลกระทบจากปัญหาซับไพร์มของสหรัฐ เตือนนักธุรกิจปรับ กลยุทธ์รับมือดอกเบี้ยขาลง
นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)เปิดเผยถึงทิศทางเศรษฐกิจปีนี้ว่าหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงร้อยละ 0.75 เหลือร้อยละ 3.5 อันเป็นการลดครั้งเดียวมากที่สุดในรอบ 23ปี เพื่อ แก้ไขวิกฤติปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ (ซับไพร์ม) และภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของโลกครั้งสำคัญ ทำให้ธนาคารกลางของหลายประเทศปรับเปลี่ยนนโยบายตาม เพื่อรับมือวิกฤติเศรษฐกิจที่อาจจะลุกลามมาถึง
นายวิสิฐยังมองว่า ผลกระทบของปัญหาซับไพร์มจะกระทบต่อเศรษฐกิจในหลายด้านด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบต่อราคาหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง และการเคลื่อนย้ายเงินทุนออกจากตลาดหุ้น ส่วนอีกด้าน คือ ผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่อาจมีผลต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่ประเมินไว้ที่ร้อยละ 4.5-6 ซึ่งจำเป็นที่รัฐบาลใหม่จะต้องเข้ามากระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ เพื่อบรรเทาผลกระทบของการชะลอตัวด้านการส่งออก พร้อมกันนี้ยังแสดงความเชื่อมั่นว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะฟื้นตัวได้ภายในปีนี้ ในทางกลับกัน ผลกระทบดังกล่าวยังได้ส่งผลในเชิงบวกต่อการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ ซึ่งจะทำให้ได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ เนื่องจากเชื่อว่าหลังจากที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย คาดว่าภายในปีนี้จะมีการปรับลดดอกเบี้ยลงอีกครั้งเหลือประมาณร้อยละ 1—1.25 ซึ่งก็จะส่งผลให้ดอกเบี้ยของไทยปรับลดลงราวร้อยละ 0.25-0.5 ภายในกลางปีนี้ ซึ่งก็จะช่วยให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวดีขึ้น
สำหรับทิศทางการลงทุนของ กบข. ในปี 2551นั้น ในปีที่ผ่านมาผลตอบแทนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยถือว่าปรับตัวค่อนข้างสูงถึงร้อยละ 38.10 แต่ในปีนี้แนวโน้มตลาดหุ้น และ ตราสารหนี้ ทั่วโลกจะได้รับผลกระทบจากปัญหาซับไพร์ม ทำให้ กบข.ต้องมีการกระจายการลงทุนที่มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างประเทศ ลงทุนในนิติบุคคลเอกชนต่างประเทศ (Private Equity ) กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย ประกอบกับการลงทุนของ กบข.ในปีนี้ ถือว่ามีความคล่องตัวมากขึ้น หลังจากที่มีการแก้ไข พ.ร.บ. กบข. ที่ได้ขยายเพดานการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้นจากเดิมไม่เกินร้อยละ15 เป็นไม่เกินร้อยละ 25
นอกจากนี้ จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่คาดว่าจะปรับตัวลดลงตามอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ และแรงกดดันของอัตราเงินเฟ้อที่จะเริ่มลดลงในไตรมาสที่ 2 จากผลกระทบทางเศรษฐกิจเนื่องจากปัญหาซับไพร์ม ผนวกกับหลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มปรับตัวลดลงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทำให้ กบข. ต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจโลก
สำหรับผลการดำเนินงานของ กบข. ในปี 2550 ที่ผ่านมา นายวิสิฐเปิดเผยว่าปัจจุบันมูลค่าสินทรัพย์ปัจจุบันเท่ากับ 375,551 ล้านบาท ผลประโยชน์สะสมย้อนหลัง (12 เดือน) คิดเป็นมูลค่า 29,311 ล้านบาท สำหรับกองสมาชิกได้ผลประโยชน์สะสมย้อนหลัง (12 เดือน) อยู่ที่ร้อยละ 9.22 ซึ่งผลตอบแทนที่ได้นั้นสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปี 2550 ที่ผ่านมาซึ่งคาดการณ์ไว้อยู่ที่ระดับร้อยละ 5-6 อย่างไรก็ตาม สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2549 ที่ผ่านมาจะอยู่ที่ร้อยละ 3.44 หรือเป็นจำนวนเงินเท่ากับ 8,853 ล้านบาท และหากพิจารณาอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลังของ กบข. เฉลี่ย10 ปีจะอยู่ที่ร้อยละ 8.24
อย่างไรก็ตาม สำหรับสัดส่วนการลงทุนของ กบข.ในช่วงปี 2550 มีการลงทุนใน ตราสารหนี้ในประเทศ 64.30% ตราสารทุนในประเทศ 13.33% ตราสารต่างประเทศ 13.62% กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 3.96% และการลงทุนทางเลือก 4.79%
นายวิสิฐ ได้กล่าวแสดงความคิดเห็นถึงผลการดำเนินงานของ กบข. ในปี 2550 ที่ผ่านมาว่าเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ และสูงกว่าตัวเทียบวัดอัตราดอกเบี้ย เงินฝาก 5 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่ให้ผลตอบแทนอยู่ที่เฉลี่ยร้อยละ 2.78 และสูงกว่าเงินเฟ้อที่เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 2.23
ส่วนความคืบหน้าของโครงการเพื่อสมาชิกในอนาคตนั้น ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการออมเพิ่มมากกว่าร้อยละ 3 และการทยอยรับเงินคืนให้กองทุนบริหารเงินที่ยังไม่รับคืนต่อไปได้
รวมทั้งโครงการทางเลือกการลงทุน ล่าสุดพระราชบัญญัติดังกล่าวได้ผ่านขั้นตอนการพิจารณาในรายละเอียดต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2551 ที่ผ่านมา และขณะนี้ กบข.อยู่ระหว่างการร่างกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อให้สมาชิกสามารถออมเพิ่ม ทยอยรับเงินคืน หรือสามารถเลือกแผนการลงทุนได้ภายในปีนี้ โดยจากการสอบถามเบื้องต้นนั้น เชื่อว่าสมาชิกส่วนใหญ่ให้ความสนใจและเล็งเห็นความสำคัญ โดยมีสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก จึงคาดว่าจะมีสมาชิกผู้สนใจเข้าร่วมโครงการดังกล่าวมากมาย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ศูนย์บริการข้อมูลสมาชิก กบข. โทร. 1179 กด 6 member@gpf.or.th / www.gpf.or.th