กรุงเทพฯ--9 เม.ย.--124 คอมมิวนิเคชั่นส คอนซัลติ้ง
ดุสเซลดอร์ฟ เยอรมนี - เพื่อเตรียมรับมือความท้าทายที่ระบบดิจิทัลกำลังส่งผลต่อระบบการทำงานของมนุษย์ บริษัทเฮงเค็ลได้ริเริ่มโครงการยกระดับความสามารถเชิงดิจิทัลให้กับพนักงานกว่า 53,000 คนทั่วโลก โดยขณะนี้ บริษัทกำลังทำการวิเคราะห์และประเมินความรู้ความสามารถเชิงดิจิทัลของบุคลากร ซึ่งจะใช้เป็นพื้นฐานสำหรับจัดการฝึกอบรมเชิงดิจิทัลที่จะช่วยกำหนดเป้าหมายทางธุรกิจในอนาคตได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
ซิลวี นิโคล รองประธานอาวุโสฝ่ายทรัพยากรบุคคลทั่วโลก กล่าวว่า "ในสภาพแวดล้อมที่ผันผวนและทวีความท้าทายขึ้นทุกขณะ เราจำเป็นต้องดำเนินการเชิงรุกเสียก่อน เนื่องจากการเข้าสู่ระบบดิจิทัลกำลังส่งผลกระทบอย่างมากต่อสภาพแวดล้อม ในการทำงานของเรา เราจำเป็นต้องรู้ว่าองค์กรของเรานั้นยืนอยู่ ณ จุดไหน เพื่อจะได้จัดการพัฒนาทักษะของพนักงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และด้วยเหตุนี้ เราจึงได้ร่วมมือกับผู้บริหารและทีมงานฝ่ายดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนแนวคิดนี้ไปทั่วโลก และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงองค์กรเข้าสู่ระบบดิจิทัลอย่างเต็มที่"
ด้าน ดร. ราห์มิน เครส ประธานเจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายดิจิทัล (Chief Digital Officer) ของเฮงเค็ลและผู้ก่อตั้งเฮงเค็ลเอ็กซ์กล่าวเสริมว่า"การเปลี่ยนเข้าสู่ระบบดิจิทัลทำให้เรามีโอกาสสร้างความแข็งแกร่งและขยายธุรกิจทั่วโลกของเรา สิ่งเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างเต็มที่เมื่อทั้งองค์กรมีแนวความคิดและองค์ความรู้ที่ถูกต้องในการขับเคลื่อนไปด้วยกัน"
วิธียกระดับทักษะความสามารถของบุคคลากรทั่วโลก
เฮงเค็ลได้นำเสนอวิธีการใหม่โดยการริเริ่มโครงการยกระดับความสามารถของบุคลากรทั้งองค์กรทั่วโลก โดยเริ่มจากขั้นตอนแรก ในการวิเคราะห์ถึงสภาพการณ์ที่แท้จริงอย่างที่เป็นอยู่ โดยให้พนักงานทำแบบทดสอบเพื่อประเมินตนเองทางออนไลน์โดยไม่ระบุชื่อ วิธีนี้เป็นการประเมินทักษะเชิงดิจิทัลของพนักงาน ซึ่งประกอบด้วยการทดสอบความรู้ทั่วไปด้วยวิธีการที่สนุกสนาน (Digital BaseFit) บวกกับการประเมินขั้นสูงในด้านความชำนาญสำหรับงานที่ต้องการความเชี่ยวชาญพิเศษ (Digital ExpertFit) ผลลัพธ์ที่ได้จะช่วยให้บริษัทฯ รู้ว่าพนักงานมีความสามารถเชิงดิจิทัลในระดับไหนและควรจะได้รับการฝึกฝนอบรมเพิ่มเติมอะไรบ้าง
สำหรับ Digital BaseFit นั้น ได้มีการพัฒนาร่วมกับบริษัท H-Farm ซึ่งเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมที่เป็นผู้สร้าง maize.PLUS แพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญได้ฝึกฝนพัฒนาความคิดที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม สำหรับการประเมินผลและการเรียนรู้ส่วนบุคคลนั้นช่วยในการเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี แนวโน้มผู้บริโภค วิธีการทำงานแบบใหม่และหัวข้อธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ส่วน Digital ExpertFit นั้น เฮงเค็ลได้ร่วมมือกับบริษัทที่ปรึกษาแอคเซนเจอร์ (Accenture) ในการพัฒนากรอบความสามารถเชิงดิจิทัลสำหรับแต่ละ "กลุ่มงาน" (เช่นการตลาด, การขาย, ไอทีหรือ HR) ซึ่งจะใช้เป็นมาตรฐานในอุตสาหกรรมสำหรับอนาคต ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์นั้น ฝ่ายทรัพยากรบุคคลได้มีการร่วมมือกับทีมงานด้านดิจิทัล ผู้นำหน่วยงานด้านธุรกิจและหัวหน้าส่วนงาน โดยให้พนักงานในแต่ละกลุ่มงานทำแบบประเมินตนเองทางออนไลน์โดยไม่ต้องระบุชื่อ แล้วเฮงเค็ลจะนำผลลัพธ์ที่ได้ไปจัดดำเนินการฝึกอบรมให้เข้ากับคำแนะนำที่ได้รับ พร้อมกับจับคู่ให้เข้ากับ "การปรับทักษะที่เหมาะสมสำหรับอนาคต" ตามกรอบแนวทางที่วางเอาไว้ สำหรับการฝึกอบรมจะเน้นในด้านต่าง ๆ เช่นความสามารถในการวิเคราะห์ อีคอมเมิร์ซหรือการจัดหากำลังแรงงานในอนาคต
แพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่ปรับตามความต้องการของแต่ละบุคคล
การฝึกอบรมแบบเฉพาะเพื่อเสริมทักษะและความรู้เชิงดิจิทัลนั้นมีอยู่ในแพลตฟอร์มการเรียนรู้ใหม่ที่เพิ่งจะเปิดตัวเพื่อให้พนักงานทุกคนมุ่งสู่เส้นทางการเรียนรู้แบบดิจิทัล โดยแพลตฟอร์มนี้ได้รับการพัฒนาร่วมกับคอร์เนอร์สโตน (Cornerstone) ซึ่งเป็นผู้นำในซอฟต์แวร์ด้านการจัดการความสามารถพิเศษ (Talent Mangement) บนระบบคลาวด์ พนักงานจะได้รับประโยชน์จากแพลตฟอร์มที่ใช้งานได้ง่าย พร้อมเนื้อหาและประสบการณ์การเรียนรู้ที่น่าสนใจที่ออกแบบมาสำหรับแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยเสริมให้เกิดความชำนาญและการเรียนรู้ตามความต้องการอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็สามารถตอบสนองความต้องการส่วนบุคคลของแต่ละคนได้อย่างสมบูรณ์แบบ
"ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงนี้พนักงานของเราเป็นกุญแจสำคัญ เราต้องการให้แน่ใจว่าพวกเขามีทักษะและองค์ความรู้เชิงดิจิทัลที่เหมาะกับความต้องการทั้งในตอนนี้และในอนาคต การผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายยิ่ง เนื่องจากเรามีทีมบุคลากรทั่วโลกมากกว่า 50,000 คนที่มีความหลากหลาย มีภูมิหลังและประวัติการทำงานที่แตกต่างกันออกไป การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่เป็นกระบวนการที่ต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่องอีกสามถึงห้าปี" ซิลวี นิโคล รองประธานอาวุโสฝ่ายทรัพยากรบุคคลทั่วโลกกล่าว
เกี่ยวกับเฮงเค็ล
เฮงเค็ลดำเนินธุรกิจทั่วโลกด้วยพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ที่สมดุลและหลากหลาย บริษัทฯ เป็นผู้นำในสามกลุ่มธุรกิจทั้งในธุรกิจเพื่ออุตสาหกรรมและธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค อันเป็นผลมาจากแบรนด์ นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง ธุรกิจเทคโนโลยีกาวของเฮงเค็ล (Adhesive Technologies) เป็นผู้นำในตลาดกาวในทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก ในธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน และผลิตภัณฑ์บิวตี้แคร์ (Laundry & Home Care and Beauty Care businesses) เฮงเค็ลเป็นผู้นำในหลายตลาดและประเภทผลิตภัณฑ์ทั่วโลก เฮงเค็ลก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2419 และมีประวัติความสำเร็จอันยาวนานกว่า 140 ปี ในปี พ.ศ. 2560 เฮงเค็ลมียอดขายมากกว่า 2 หมื่นล้านยูโร และมีผลกำไรดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้ว 3,500 ล้านยูโร แบรนด์ชั้นนำ 3 อันดับแรกของเฮงเค็ล คือ ล็อคไทท์ (กาว) ชวาร์สคอฟ (ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม) และเพอร์ซิล (ผงซักฟอก) มียอดขายรวมกัน 6,400 ล้านยูโร เฮงเค็ลมีพนักงานมากกว่า 53,000 คนทั่วโลก ซึ่งมีความหลากหลายมีความมุ่งมั่น รวมกันเป็นหนึ่งเดียวด้วยวัฒนธรรมขององค์กรที่แข็งแกร่ง มีจุดมุ่งหมายร่วมกันในการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืน และมีคุณค่าร่วมกัน ในฐานะผู้นำด้านความยั่งยืนซึ่งเป็นที่ยอมรับ เฮงเค็ลได้รับการยกย่องจากดัชนีและการจัดอันดับระหว่างประเทศต่างๆ หุ้นบุริมสิทธิของเฮงเค็ลจดทะเบียนอยู่ในดัชนีหลักทรัพย์ DAX ของเยอรมนี ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาเข้าชมที่ www.henkel.com