'เอพี ไทยแลนด์’ประกาศผลงานไตรมาสแรก ปิดขายแอสปาย อโศก-รัชดา เตรียมส่ง 13 โครงการใหม่ มูลค่า 19,720 ล้านบาท รุกไตรมาส 2

ข่าวอสังหา Wednesday April 10, 2019 13:33 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 เม.ย.--บางกอก พับบลิค รีเลชั่นส์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ และนวัตกรรมการอยู่อาศัย ยิ้มรับยอดขายไตรมาส1ดีมานด์ตอบรับดีทั้งสินค้าแนวราบและแนวสูง รวมมูลค่ากว่า12,585ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้แล้ว 30% จากเป้ายอดขายปี2562ที่ตั้งไว้ที่ 41,800 ล้านบาทมั่นใจไตรมาส 2ตลาดอสังหาฯ ระดับกลางถึงบนดีมานด์ดีต่อเนื่อง พร้อมรุกตลาดเตรียมเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น13โครงการ มูลค่ารวม19,720 ล้านบาท นายวิทการ จันทวิมลรองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี (ไทยแลนด์)เผยว่าตลาดอสังหาฯ ไตรมาส 1มีแนวโน้มเติบโตดี กำลังซื้อในธุรกิจอสังหาฯ มีอยู่มาก ทั้งสินค้าแนวราบและแนวสูง สะท้อนได้จากยอดขายรวมของบริษัทฯ ที่ทำได้กว่า12,585ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากคอนโดมิเนียมมูลค่า 6,365 ล้านบาท และแนวราบมูลค่า 6,220 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 25%เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่10,016 ล้านบาท เป็นผลงานที่น่าพอใจ เนื่องจากเป็นไตรมาสที่บริษัทฯ มีโครงการเปิดใหม่ไม่มากส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้แล้ว 30% ของเป้ายอดขายปี2562 ที่ตั้งไว้ (เป้ายอดขาย41,800 ล้านบาท) โดยเอพีเตรียมเดินหน้ารุกตลาดต่อเนื่องในไตรมาส2เปิดตัวโครงการใหม่ จำนวนทั้งสิ้น 13 โครงการ มูลค่า19,720 ล้านบาท เป็นทาวน์โฮมจำนวน 9 โครงการมูลค่า 8,560 ล้านบาท บ้านเดี่ยว3 โครงการ มูลค่า 2,360 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม1 โครงการ มูลค่า 8,800 ล้านบาท คีย์ซัสเซสที่ดันความสำเร็จของยอดขายไตรมาส1ของเอพีคือ ความเข้าใจดีมานด์ในแต่ละทำเล การมีสินค้าทื่หลากหลาย และความสามารถในการบริหารแพ็คเกจราคาที่คุ้มค่าจับต้องได้ ส่งผลให้ได้รับการตอบรับที่ดีทั้งจากสินค้าแนวราบและแนวสูงโดยเฉพาะโครงการบ้านเดี่ยวภายใต้แบรนด์THE CITYและ CENTRO ถือเป็นหนึ่งใน KEY DRIVEสำคัญต่อการเติบโตของยอดขายรวม นอกเหนือจากนี้โครงการอื่นๆ ของเอพี อาทิ ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียมที่ภาพรวมการขายเติบโตดีต่อเนื่อง อาทิ คอนโดมิเนียมสร้างเสร็จพร้อมอยู่ 'แอสปาย เอราวัณ' ที่มีอัตราการขายโตกว่า 130% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าขณะที่โครงการที่เปิดตัวใหม่ในไตรมาส1อย่าง'ริธึ่ม เอกมัย เอสเตท' ก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าคนเมือง โดยปัจจัยหลักที่ลูกค้าให้ความสำคัญและตัดสินใจซื้อ คือ ประสบการณ์การอยู่อาศัยรูปแบบใหม่ ที่เติมเต็มให้การอยู่คอนโดฯ เป็นส่วนตัวเสมือนได้อยู่บ้าน ในส่วนของ'แอสปาย'ทั้ง 2 ทำเล ได้แก่'แอสปายสุขุมวิท–อ่อนนุช' และ'แอสปาย อโศก – รัชดา' ที่เปิดตัวไปในไตรมาสแรก ก็ได้รับการตอบรับที่ดีทั้งจากลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะ 'แอสปาย อโศก– รัชดา' ที่สามารถปิดการขายในช่วงพรีเซลอย่างรวดเร็ว ด้วยจำนวน 1,025ยูนิต มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท ทั้งหมดนี้ สะท้อนดีมานด์ในตลาดอสังหาฯ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อสินค้าเครือเอพีเสมอมา"นายวิทการกล่าวเสริม "ในส่วนของภาพรวมอสังหาฯ ไตรมาส2เอพีเชื่อว่า ดีมานด์ที่มองหาที่อยู่อาศัยใหม่มีต่อเนื่อง แม้มาตรการแอลทีวีจะมีผลบังคับใช้ แต่มั่นใจไม่ได้กระทบทั้งตลาด ขณะเดียวกันข้อดีของมาตรการกลับช่วยให้ลูกค้าเรียลดีมานด์สามารถเข้าถึงสินค้าที่อยู่อาศัยในราคาที่เหมาะสมได้ง่ายขึ้น และยังช่วยบริหารจัดการภาพรวมของธุรกิจอสังหาฯ ในระยะยาวได้เป็นอย่างดีดังนั้น บริษัทยังดำเนินงานตามแผนที่ประกาศช่วงต้นปี คือ การวางแผนแบบรบยาว เน้นความเข้าใจดีมานด์ในแต่ละทำเล เพื่อพัฒนาและส่งมอบสินค้าที่แตกต่าง โดยการบุกทุกเซกเมนต์เปิดตัวครบทั้ง9 แบรนด์ในเครือ ภายใต้การส่งมอบคุณภาพการอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตให้กับผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างยั่งยืนโดยไตรมาส 2 เอพีเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ทั้งหมด13 โครงการ แบ่งเป็นแนวราบ12 โครงการ มูลค่า 10,920 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม1 โครงการ มูลค่าโครงการกว่า 8,800 ล้านบาท"นายวิทการกล่าวสรุป ณ 31 มีนาคม 2562 บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้รวมโครงการร่วมทุน (Backlog)มูลค่ามากถึง 58,960 ล้านบาทเป็นโครงการแนวราบ มูลค่า 11,140ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียมรวมโครงการร่วมทุน มูลค่า 47,820 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดเอพี6,530 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ในปีนี้ประมาณ3,395 ล้านบาท และคอนโดร่วมทุน41,290 ล้านบาท รับรู้ในปีนี้ประมาณ7,750 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี2566 สรุปภาพรวมแผนการดำเนินงานธุรกิจอสังหาฯ ในปี2562 เอพีมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน39 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ56,800 ล้านบาท แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า22,400 ล้านบาท แนวราบ 34โครงการ มูลค่า 34,400 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายยอดขาย41,800 ล้านบาท และเป้าหมายรายได้รวม 35,900ล้านบาท (100%JV)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ