กรุงเทพฯ--11 เม.ย.--โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล
โรคอ้วน เป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ อาทิ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคทางเดินหายใจ โรคข้อเข่าเสื่อมก่อนวัย โรคหมอนรองกระดูกทับเส้น หรือ กระดูกสันหลังเสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร ทั้งนี้ในปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคอ้วนเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับเมื่อ 30 ปีก่อน
โดยในปี พ.ศ.2558 พบว่าทั่วโลกมีเด็กเป็นโรคอ้วน 107.7 ล้านคนและผู้ใหญ่เป็นโรคอ้วน 603.7 ล้านคน
ปัจจุบันมีแนวทางแบบใหม่ในการลดความอ้วน ที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ คือการลดความอ้วน โดยการใช้บอลลูนลดความอ้วน พร้อมแนวคิดที่ว่า ไม่ต้องผ่าตัดจึงไม่มีแผลเป็น ความเสี่ยงต่ำ ไม่ต้องใช้ยา พักฟื้นได้เร็ว ซึ่งการใส่บอลลูนผ่านการส่องกล้องเข้าสู่กระเพาะอาหาร ทำให้พื้นที่ในกระเพาะลดลงและรู้สึกอิ่ม ทานอาหารได้น้อยลง และสามารถปรับขนาดบอลลูนได้ตามต้องการ อายุการใช้งาน 1 ปี ลดน้ำหนักได้เฉลี่ย 24 กิโลกรัม ต่อปี
ขั้นตอนการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
วิธีการใส่บอลลูนจะเหมือนกับการส่องกล้องกระเพาะอาหารทั่วไป โดยเมื่อบอลลูนเข้าไปอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมในกระเพาะอาหาร ก็จะใส่สารสีฟ้าที่เรียกว่าเมธิลีนบลูเข้าไปในบอลลูนประมาณ 350 – 500 ซีซี หลังจากนั้นก็เอากล้องออก โดยใช้เวลาทำประมาณ 15-20 นาที โดยบอลลูนสามารถปรับขนาดเพิ่มหรือลดได้ตามความต้องการในภายหลัง บอลลูนจะสามารถอยู่ได้นานสูงสุด 1ปี แต่หากพอใจในน้ำหนักที่ลดลง ก็สามารถเอาบอลลูนออกก่อน 1 ปีได้ โดยส่องกล้องเพื่อเอาลูกบอลลูนออกจากร่างกาย
ภาวะแทรกซ้อนของการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
ภาวะแทรกซ้อนของการใส่บอลลูนส่วนใหญ่จะเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้องช่วงสัปดาห์แรกหลังใส่บอลลูน หลังจากนั้นอาการจะดีขึ้นตามลำดับ ส่วนภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น กระเพาะเป็นแผลสามารถเกิดได้แต่น้อยมากไม่ถึง 0.5% เท่านั้น
ข้อห้ามในการใช้บอลลูนลดน้ำหนัก
- ผู้ที่มีความผิดปกติของหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร เช่น เป็นแผลในกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อนรุนแรง หรือเคยผ่าตัดกระเพาะอาหารและหลอดอาหารมาก่อน
- มีครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่
- แพ้ยางซิลิโคน
- ผู้ที่เป็นโรคประจำตัวรุนแรงอย่างโรคหัวใจขาดเลือด ความดันโลหิตสูงรุนแรงเป็นต้น
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ :
ศูนย์ส่องกล้องระบบทางเดินอาหาร ชั้น 3 โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล
โทร. 02-836-9999 ต่อ 3821-2