กรุงเทพฯ--17 เม.ย.--สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ สพฉ.
เรืออากาศเอก นายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวถึง การรับมือการเดินทางกลับภูมิลำเนา ของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ทั้งไปและกลับ ว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้จะมีประชาชนกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้การจราจรคับคั่งและอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เพิ่มสถิติการเกิดอุบัติเหตุได้มากขึ้น โดย สพฉ.ได้เตรียมการรับมืออย่างเต็มที่ทุกรูปแบบ นอกจากนี้เรายังได้ประสานไปยังเครือข่ายมูลนิธิ และศูนย์สื่อสารสั่งการ สายด่วน 1669 80 แห่ง ทั่วประเทศไทยให้เตรียมพร้อมกำลังคนและเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อรองรับการให้บริการประชาชนที่เจ็บป่วยฉุกเฉิน หรือเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน ในการเดินทางกลับบ้านในช่วงเทศกาลสงกรานต์ด้วย
เลขาธิการ สพฉ. ยังเปิดเผยสถิติ การเกิดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงสงกรานต์ ปี่ 2561 ที่ผ่านมาว่า เกิดขึ้นจำนวน 3,724 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บ 3,897 ราย เสียชีวิต 418 ราย โดยมีการให้บริการ ผู้ป่วยฉุกเฉิน ผ่านสายด่วน 1669 มีการรับแจ้งอุบัติเหตุยานยนต์ 46,214 ครั้ง ซึ่ง 5 จังหวัดที่มีอุบัติเหตุทางถนนสูงสุด คือ เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช พิษณุโลก สุราษฎร์ธานี และ สงขลา
พร้อมกันนี้ อยากให้ประชาชน ตระหนักถึงความปลอดภัย และป้องกันตนเองด้วย โดยต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทั้งคนขับ คนนั่ง สวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางใกล้หรือไกล ที่สำคัญคือเมาไม่ขับ ง่วงไม่ขับ หากรู้สึกล้าก็ควรหยุดพัก นอกจากนี้อาจเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินไว้ป้องกันตัวเอง เช่น กล่องปฐมพยาบาลฉุกเฉิน ภายในควรมี ยารักษาโรคเบื้องต้น อุปกรณ์ทำแผล กรรไกร ถุงมือ ซึ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นยามเดินทาง แต่ทั้งนี้หากเกิดอุบัติเหตุประชาชนก็สามารถใช้บริการสายด่วน 1669 ได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง เพราะเจ้าหน้าที่ทุกคนพร้อมที่จะดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่ไทย
โดยข้อควรรู้ก่อนโทรแจ้งสายด่วน 1669 นั้น มีหลักสำคัญอยู่ 9 ข้อ คือ 1.เมื่อพบเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉินให้ตั้งสติและโทรแจ้งสายด่วน 1669 2.ให้ข้อมูลว่าเกิดเหตุอะไรมีผู้ป่วยและผู้บาดเจ็บในลักษณะใด 3. บอกสถานที่เกิดเหตุเส้นทางจุดเกิดเหตุให้ชัดเจน 4. บอกเพศ ช่วงอายุ อาการจำนวนผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บ 5.บอกระดับความรู้สึกตัวของผู้ป่วย 6.บอกความเสี่ยงที่อาจเกิดซ้ำ เช่นอยู่กลางถนนหรือรถติดแก๊ส 7. บอกชื่อผู้แจ้งเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ 8.ช่วยเหลือเบื้องต้นตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ และ 9.รอทีมกู้ชีพมารับผู้ป่วยเพื่อนำส่งโรงพยาบาล