กรุงเทพฯ--17 เม.ย.--ธนาคารธนชาต
บมจ.ทุนธนชาต หรือ TCAP โชว์ฟอร์มดีจ่ายปันผลเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง จากปี 59 จ่าย 2.00 บาทต่อหุ้น ปี 60 จ่าย 2.20 บาท ล่าสุดปี 61 จ่าย 2.60 บาท พร้อมมั่นใจหลังดีลรวมกิจการระหว่าง ธ.ธนชาต และทีเอ็มบี เสร็จ จะช่วยหนุนส่งให้ TCAP ยิ่งเติบโตแข็งแกร่ง จากการถือหุ้นไม่น้อยกว่า 20% ในธนาคารใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม 2 เท่า ทำให้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างโอกาสในการทำกำไรได้เพิ่มมากขึ้น
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP เปิดเผยว่า จากผลการดำเนินงานปี 2561 ของ TCAP ที่ออกมาดี โดย TCAP และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม จำนวน 15,806 ล้านบาทซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่อง 4 ปีติดต่อกัน ขณะที่กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TCAP มีจำนวน 7,839 ล้านบาท เติบโต 11.97% จากปีก่อนหน้า จากผลประกอบการที่ดี ทำให้ TCAP สามารถจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2561 เป็นเงิน 2.60 บาทต่อหุ้น โดยแบ่งเป็นจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2561 ในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท และเหลืออีก 1.60 บาท ที่จะขออนุมัติจ่ายจากการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 24 เมษายน นี้
ทั้งนี้การจ่ายเงินปันผลของ TCAP ได้จ่ายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากปี 2559 ที่จ่าย 2.00 บาทต่อหุ้น ปี 2560 จ่าย 2.20 บาทต่อหุ้น และล่าสุดปี 2561 จ่าย 2.60 บาทต่อหุ้น ถือเป็นบริษัทที่สามารถจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง
นายสมเจตน์ กล่าวอีกว่า ภายหลังการรวมกิจการระหว่าง ธ.ธนชาต และ ทีเอ็มบีเสร็จสมบูรณ์ จะเกิดธนาคารใหม่ ที่มีศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มสูงขึ้น จากขนาดสินทรัพย์รวมอยู่ที่ประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น มีฐานลูกค้าใหญ่ขึ้นเป็น 10 ล้านคน จากปัจจัยดังกล่าวจะช่วยหนุนให้ TCAP มีศักยภาพสูงขึ้นตามโอกาสทางธุรกิจของธนาคารใหม่ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจาก TCAP เป็น 1 ในผู้ถือหุ้นใหญ่ในธนาคารใหม่นี้ ด้วยสัดส่วนที่ไม่น้อยกว่า 20%
นอกจากนี้ โครงสร้างการลงทุนของ TCAP ภายหลังรวมกิจการเสร็จจะมีการปรับเปลี่ยน โดยบริษัทย่อยเดิมของ ธ.ธนชาต จะโอนย้ายมาอยู่ภายใต้ TCAP เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ตามสัดส่วน ประกอบด้วย บริษัท ธนชาตประกันภัย บล.ธนชาต บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง บริษัทบริหารสินทรัพย์ ทีเอส ซึ่งจะทำให้ผลการดำเนินงานของ TCAP ยังคงมีรายได้จากธุรกิจที่หลากหลาย
"TCAP ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจการลงทุน (Holding Company) และเป็นบริษัทแม่ของกลุ่มธุรกิจการเงินธนชาต มั่นใจว่าธนาคารใหม่ที่จะเกิดขึ้นจากการรวมกิจการนั้น มีความสามารถในการเติบโตทางธุรกิจและสร้างผลกำไรที่ดีขึ้น ซึ่งผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นนี้จะสะท้อนมาสู่ TCAP อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อผนวกกับผลการดำเนินงานที่ดีของบริษัทลูก จะทำให้ TCAP ยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีและมีการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไปในอนาคต" นายสมเจตน์ กล่าว