กรุงเทพฯ--19 เม.ย.--ธนาคารกสิกรไทย
นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า แม้กิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศสามารถประคองทิศทางการขยายตัวได้ต่อเนื่องในไตรมาสที่ 1 ปี 2562 แต่เศรษฐกิจไทยในภาพรวมยังคงได้รับแรงกดดันจากความอ่อนแอของภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว ท่ามกลางแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งนับเป็นปัจจัยที่เพิ่มความท้าทายให้กับภาคธุรกิจที่ในอีกด้านหนึ่งต้องรับมือกับภาวะการแข่งขันในรูปแบบใหม่ ๆ การเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบและนโยบาย รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ซึ่งมีผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค
สำหรับผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1 ปี 2562 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 10,044 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 722 ล้านบาท หรือ 6.70%
ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1 ปี 2562 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2561 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 10,044 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 722 ล้านบาท หรือ 6.70% โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 1,556 ล้านบาท หรือ 6.57% ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้ดอกเบี้ยรับของเงินให้สินเชื่อ และเงินลงทุน ทำให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin: NIM) อยู่ที่ระดับ 3.32% ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 2,871 ล้านบาท หรือ 19.00% ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการยกเลิกค่าธรรมเนียมการโอนเงินผ่านช่องทางดิจิทัล และรายได้สุทธิจากการรับประกันภัยลดลง สำหรับอัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 42.70%
ผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1 ปี 2562 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2561 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญและภาษีเงินได้ จำนวน 21,483 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนจำนวน 2,946 ล้านบาท หรือ 15.89% จากค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ลดลง จำนวน 3,469 ล้านบาท หรือ 17.81% ซึ่งเป็นปกติตามฤดูกาล โดยส่วนหนึ่งเกิดจากค่าใช้จ่ายทางการตลาด สำหรับรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงจำนวน 219 ล้านบาท หรือ 0.86% และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 304 ล้านบาท หรือ 2.43% หลัก ๆ เกิดจากรายได้สุทธิจากการรับประกันภัยลดลง ในขณะที่รายได้จากผลิตภัณฑ์ตลาดเงินและตลาดทุนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ธนาคารมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญลดลง จำนวน 928 ล้านบาท หรือ 10.91% ทำให้กำไรสุทธิมีจำนวน 10,044 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนจำนวน 3,011 ล้านบาท
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 ธนาคารและบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมจำนวน 3,150,641 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 2561 จำนวน 4,450 ล้านบาท หรือ 0.14% ส่วนใหญ่เป็นการลดลงของรายการระหว่างธนาคารและตลาดเงินสุทธิ ในขณะที่เงินลงทุนสุทธิเพิ่มขึ้น สำหรับเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 อยู่ที่ระดับ 3.44% เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนวิธีการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์โดยการลดปริมาณการขายหนี้บางส่วนและบริหารจัดการเอง ซึ่งคาดว่าจะได้รับการชำระคืนสูงกว่าในระยะยาว จึงทำให้ปริมาณเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ สิ้นไตรมาสสูงขึ้น ขณะที่สิ้นปี 2561 อยู่ที่ระดับ 3.34% อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 อยู่ที่ระดับ 158.78% โดยสิ้นปี 2561 อยู่ที่ระดับ 160.60% สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 อยู่ที่ 18.12% โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 15.73%