กรุงเทพฯ--23 เม.ย.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง
กรมบัญชีกลางร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และ บมจ. ธนาคารกรุงไทย เร่งลงพื้นที่รับสมัครร้านค้าใช้งานแอพพลิเคชั่น "ถุงเงินประชารัฐ" แบบ One Stop Service โดยเปิดรับสมัครพร้อมกันทั่วประเทศ ตั้งแต่ 23 เมษายน 2562
นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ได้เปิดรับสมัครร้านค้าใช้งานแอพพลิเคชั่น "ถุงเงินประชารัฐ" มาตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2561 – 22 เมษายน 2562 มีร้านค้าที่ใช้งานแอพฯ ถุงเงินประชารัฐแล้ว จำนวน 23,700 ร้านค้า เมื่อรวมกับร้านธงฟ้าประชารัฐที่รับชำระค่าสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) จำนวน 34,221 ร้านค้า จะมีร้านค้าที่รองรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทั้งสิ้น 57,921 ร้านค้า ซึ่งส่วนใหญ่จำหน่ายสินค้าอุปโภค เช่น สบู่ ยาสีฟัน ผงซักฟอก เป็นต้น โดยกระทรวงการคลังต้องการส่งเสริมให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้รับความสะดวกและมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น สามารถชำระค่าอาหารจากร้านค้าขนาดเล็กที่จำหน่ายอาหารสด อาหารสำเร็จรูป และอาหารตามสั่งได้ ในขณะเดียวกันยังช่วยให้ร้านค้าขนาดเล็กมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าหมายรับสมัครร้านค้าที่ใช้แอพฯ ถุงเงินประชารัฐ ให้ได้ 1 แสนร้านค้า และพัฒนาระบบการรับสมัครให้เป็นแบบ One Stop Service
ทั้งนี้ กรมบัญชีกลางได้ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และ บมจ. ธนาคารกรุงไทย เปิดรับสมัครร้านค้าเพื่อใช้งานแอพฯ ถุงเงินประชารัฐ แบบ One Stop Service ที่ตลาดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน 2562 เป็นต้นไป เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ร้านค้าและสามารถใช้งานแอพฯ ถุงเงินประชารัฐ ได้ทันที ณ วันที่สมัคร โดยได้ประชุม Video Conference สำนักงานคลังจังหวัด สำนักงานพาณิชย์จังหวัด สาขาของ บมจ. ธนาคารกรุงไทย เพื่อซักซ้อมความเข้าใจก่อนลงพื้นที่รับสมัครร้านค้าใช้งานแอพฯ ถุงเงินประชารัฐ ทุกอำเภอต่อไป
ร้านค้าที่สนใจสมัครใช้งานแอพฯ ถุงเงินประชารัฐ เพื่อรับชำระค่าสินค้าอุปโภคและบริโภค สามารถสมัครได้ที่จุดให้บริการของตลาด (สำนักงานคลังจังหวัด และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดจะแจ้งแผนการลงพื้นที่ในแต่ละจังหวัดให้ทราบต่อไป) โดยเจ้าของร้านเตรียมบัตรประชาชน บัญชีเงินฝากของธนาคารกรุงไทยฯ โทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตรองรับปฏิบัติการแอนดรอย version KitKat 4.4 ขึ้นไป หรือปฏิบัติการ IOS Version 9.0 ขึ้นไป และสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ โดยร้านค้ากรอกแบบฟอร์มการสมัคร พร้อมแนบสำเนาบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทยฯ ประเภทออมทรัพย์หรือกระแสรายวัน ในกรณีที่เป็นบุคคลธรรมดาให้แสดงบัตรประชาชนตัวจริง หากเป็นนิติบุคคลต้องมีสำเนาหนังสือรับรองนิติบุคคลด้วย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบเอกสารและบันทึกเข้าระบบ ร้านค้าจึงจะสามารถดาวน์โหลดแอพฯ ถุงเงินประชารัฐ พร้อมทั้งเปิดให้ใช้งานได้ทันที กรณีที่ร้านค้ายังไม่มีบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทยฯ ในวันรับสมัครให้เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทยฯ แล้วร้านค้าจะสามารถดาวน์โหลดและใช้งานแอพฯ ถุงเงินประชารัฐ ได้ในวันถัดไป
นางสาวสุทธิรัตน์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐชำระเงินค่าสินค้า ทั้งจากวงเงินสวัสดิการ (200/300 บาทต่อเดือน) และจากกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) กับร้านค้าที่ติดตั้งแอพฯ ถุงเงินประชารัฐ ได้ 2 วิธี ที่ง่ายและสะดวก ดังนี้
1) ร้านค้าทำการสแกนหน้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิ > ใส่จำนวนเงิน > ผู้มีสิทธิยืนยันตัวตนด้วยรหัส PIN 6 หลัก (เลข 6 หลักสุดท้ายของบัตรประชาชน หรือรหัส 6 หลักใหม่ที่เปลี่ยนแล้ว)
2) ร้านค้าทำการสแกนหน้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิ > ใส่จำนวนเงิน > สแกนใบหน้าของผู้มีสิทธิ (ระบบจะให้กระพริบตา) และเพื่อให้การรับชำระเงินผ่านแอพฯ ถุงเงินประชารัฐ ใช้งานง่ายและสะดวกขึ้น หากสแกนข้อมูลหน้าบัตรไม่สำเร็จ ระบบจะให้ใส่เลข 8 หลักสุดท้ายที่อยู่ด้านหน้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแทน
ทั้งนี้ ข้อมูลการซื้อสินค้าผ่านแอพฯ ถุงเงินประชารัฐ จะส่งผ่านระบบ Online ไปยัง บมจ.ธนาคารกรุงไทย เพื่อทำข้อมูลให้กรมบัญชีกลาง โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารให้แก่เจ้าของร้านค้าในวันถัดไป (กรณีติดวันหยุดจะโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทยฯ ในวันแรกที่เปิดทำการ)
อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวในตอนท้ายว่า ร้านค้าที่สมัครใช้แอพฯ ถุงเงินประชารัฐ จะต้องมีโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต รองรับปฏิบัติการแอนดรอย version KitKat 4.4 ขึ้นไป หรือปฏิบัติการ IOS Version 9.0 ขึ้นไป ดังนั้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ร้านค้า บมจ. ทีโอที ได้จัดโทรศัพท์มือถือแบบ Smart Phone รวมทั้งซิมโทรศัพท์มือถือ เพื่อจำหน่ายให้เฉพาะร้านค้าที่มีความประสงค์สมัครใช้งานแอพฯ ถุงเงินประชารัฐ ในราคาพิเศษด้วย