กรุงเทพฯ--25 เม.ย.--แคปปิตอล วัน เรียลเอสเตท
"แคปปิตอล วัน" มั่นใจมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ช่วยระบายสต๊อก เพิ่มอัตราการขยายตัวของจีดีพีในประเทศอย่างน้อยร้อยละ 0.5 ดันยอดขายให้เติบโตกว่าปกติได้ร้อยละ 50 แนะหักลดหย่อนดอกเบี้ยบ้านถาวร เหตุเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง มั่นใจลูกค้าจีนยังโอนห้องชุด ลุ้นหลังพ.ค.มีข่าวดี "ทรัมป์" ชัดเจนเรื่องเทรดวอร์กับจีนการเติบโตของภาค
การเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นภาค อุตสาหกรรมที่เกี่ยวโยงกับภาคธุรกิจต่างๆเป็นจำนวนมาก ทั้งอุตฯวัสดุก่อสร้าง ซีเมนต์ เหล็ก ตลาดแรงงาน และธุรกิจอื่นๆ เช่น สินค้าตกแต่งบ้าน โดยมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยจะประมาณ 6-7 แสนล้านบาทต่อปี แต่สถานการณ์ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 มีสัญญาณการชะลอตัวลงอย่างมากและเพื่อสร้างความคึกคักต่อระบบเศรษฐกิจภายใน ประเทศ ทางกระทรวงการคลังได้เตรียมงบประมาณ 20,000 ล้านบาทในการกระตุ้นกำลังซื้อภายประเทศ ผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ภาคการท่องเที่ยว และการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ
นายวิทย์ กุลธนวิภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัท แคปปิตอล วัน เรียลเอสเตท จำกัด (CAPITAL ONE Real Estate) บริษัทที่ปรึกษาทางด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในเมืองไทย และเป็นผู้เชี่ยวชาญในการบริหารตลาดคอนโดมิเนียมในโซนสุขุมวิท มีพอร์ตบริหารการขาย จำนวน 30,000 ล้านบาท เปิดเผยว่า มั่นใจว่า มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง การขยายวงเงินหักลดหย่อนดอกเบี้ย จะมีส่วนทำให้เกิดการฟื้นตัวของภาคอสังหาฯ ท่ามกลางสภาพตลาดที่กำลังซื้อยังชะลอตัว และอุปทาน(สินค้า)ในตลาดคงเหลือเป็นจำนวนมาก ซึ่งคาดว่ามาตรการที่ออกมาน่าจะเป็นระยะสั้นประมาณ 3 เดือน ทำให้เกิดการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเร็วขึ้น
" การส่งสัญญาณเรื่องมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรีบและทำให้ชัดเจน มิฉะนั้น จะส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาฯ คาดว่าในเดือนหน้า น่าจะได้เห็นความเคลื่อนไหวของนโยบายดังกล่าว ทั้งนี้ ระยะเวลาของมาตรการก็มีผลต่อการเร่งตัดสินใจซื้อ เนื่องจากนานเกินไป เช่น 6 เดือน อาจทำให้ผู้ที่คิดจะซื้อบ้าน ยังชะลอไม่เร่งรีบ แต่หากเป็นระยะ 3 เดือน หน่วยงานรัฐ สามารถประเมินผลมาตรการและจะต่ออายุมาตรการก็ได้ ทั้งนี้ จากข้อมูลในช่วงที่มีมาตรการพิเศษ ยอดขายจะเติบโตกว่าปกติร้อยละ 50 เช่น ต่อเดือนขายได้ 100 ยูนิต เพิ่มเป็น 150 ยูนิต เป็นต้น และที่สำคัญ ภาคอสังหาฯจะช่วยขับเคลื่อน จีดีพี ได้ ประมาณร้อยละ 0.5 ถือว่าเยอะมาก "
สำหรับการขยายวงเงินหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายจากดอกเบี้ยสินเชื่อเป็น 2 แสนบาทนั้น ตนคิด ตัวเลขดังกล่าวจะครอบคลุมไปถึงตลาดที่อยู่อาศัยระดับกว่า 3 ล้านบาท แต่กระนั้น ตนคิดว่า หากสามารถหักลดหย่อนดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านได้เป็นมาตรการถาวร จะเพิ่มกำลังซื้อทางอ้อมให้กับผู้กู้ เนื่องจากเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ส่วนมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง ก็เป็นโปรโมชั่นเสริมที่จะออกมาในแต่ละช่วงเวลาก็ได้
นายวิทย์ กล่าวถึงตลาดลูกค้าต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวจีนว่า ยังมีความต้องการซื้อและโอนห้องชุด โดยในส่วนที่บริษัท แคปปิตอล วันฯ บริหาร ยังอยู่ในภาวะปกติ ลูกค้าชาวจีนยังโอนห้องชุดอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ในช่วงเดือนพ.ค.หน้า ทางนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ น่าจะประกาศข่าวดีเกี่ยวข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ (เทรดวอร์) ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ชะลอตัวอยู่ และจะมีผลต่อการกลับมาของลูกค้าชาวจีน ในการซื้อคอนโดมิเนียมในไทยเพิ่มขึ้น
" เรามองว่า มาตรการLTV ที่ออกมา ผิดจังหวะ ยิ่งภาวะตอนนี้ ลูกค้าต่างชาติลดลงอยู่แล้ว กลับไปทุบตลาดต่างประเทศอีก และตัดลูกค้าคนไทยออกไปด้วย ดังนั้น หน่วยงานที่กำกับดูแลภาคเศรษฐกิจของประเทศ ควรมีการหารือและเห็นพ้องกับมาตรการที่จะออกมาด้วย"
นายธาตรี นุชสวาท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที กรุ๊ป แอซเซ็ท จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจในการบริหารเกี่ยวกับเรื่องของการขาย เช่า ขายฝาก และบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ และทำธุรกิจนำทัวร์ เป็นนักธุรกิจคนรุ่นใหม่ กล่าวสนับสนุนหากรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯออกมา ซึ่งจะช่วยกระตุ้นตลาดและการซื้อขายอสังหาฯและตลาดเฟอร์นิเจอร์ให้มีความคึกคัก ซึ่งจะมีส่วนช่วยบรรเทาความกดดันเรื่องLTV
" เรามีการพูดคุยกับบางแบงก์ ในการช่วยเหลือในการลดราคาให้กับทางโบรกเกอร์ เพื่อไปเป็นส่วนลดราคาให้กับลูกค้า เนื่องจากมีบางโครงการไม่มีแคมเปญเรื่องลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองให้กับลูกค้า ซึ่งมีบางแบงก์ ก็โอเค แต่บางธนาคารก็ไม่มีความชัดเจน แต่สิ่งที่กังวล ลูกค้าที่อยู่นอกเมือง การจะมาซื้อคอนโดฯใกล้เมือง ก็ต้องชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป"