กรุงเทพฯ--29 เม.ย.--สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ร่วมกับ เทคมีทัวร์ (TakeMeTour) ในฐานะ TravelTech ที่พัฒนา Platform เว็บไซต์ในการบริการจองทริปส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและขยายไปในประเทศต่างๆ ในอาเซียน จัดงาน Create a New Era of Tourism in Thailand เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ด้วยกิจกรรมการแข่งขันพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลในรูปแบบ Hackathon ที่กำลังได้รับความนิยมทั่วโลก ภายใต้ชื่อโครงการ HackaTravel ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่คิดธุรกิจนวัตกรรมใหม่ๆ ด้านการท่องเที่ยว และเข้ามาประชันไอเดียเจ๋งๆ ที่สามารถนำไปตั้งต้นพัฒนาเป็นนวัตกรรม/ธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์จริงๆ ได้ ชิงรางวัลสูงสุดกว่า 300,000 บาท พร้อมรับโอกาสดีๆ ในการสนับสนุนต่อยอดธุรกิจจากพันธมิตรต่างๆ ของโครงการ ได้แก่ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank), บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด (แสนสิริ) และ บริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ จำกัด (มหาชน)
พร้อมกันนี้ภายในงานยังได้จัดเสวนานาให้ความรู้และแชร์ประสบการณ์ในหัวข้อและประเด็นต่างๆที่น่าสนใจกับผู้ประกอบการด้านธุรกิจท่องเที่ยวได้รับฟังฟรีๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ อาทิ การบอกเล่าประสบการณ์จาก "TakeMeTour เห็นอะไรในมุมของ TravelTech", การเสวนาเรื่อง "ความท้าทายของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย" โดย 3 นักธุรกิจที่คร่ำวอดอยู่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว กับการปรับตัวให้ทันกับกระแสคลื่นเทคโนโลยีและ digitalization และหัวข้อ "เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนโลกไปในทิศทางใด และอย่างไร" เป็นต้น
โดยมี ดร.ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวแสดงปาฐกถาเปิดงานในหัวข้อ "นวัตกรรมการท่องเที่ยว : โจทย์เก่าที่ต้องเล่าใหม่" โดยได้กล่าวถึงโอกาสและความท้าทายของธุรกิจ TravelTech ที่จูงใจให้นักลงทุนต่างประเทศหันมาพัฒนาธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้น โดยอ้างอิงจากการจัดอันดับของ WorldAtlast.com ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นอันดับ 4 และมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเป็นอันดับ 10 ของโลก ซึ่งเชื่อว่าศักยภาพการท่องเที่ยวของไทยจะทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเติบโตไปอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงโครงการ HackaTravel ที่จัดขึ้นครั้งนี้ว่า เป็นการเตรียมคนรุ่นใหม่ให้พร้อมกับการแข่งขันในรายการที่ยากขึ้น เพื่อเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในระบบนิเวศน์ของการพัฒนาวิสาหกิจดิจิทัลเริ่มต้นให้เติบโตแบบก้าวกระโดด โดยงานนี้ทุกคนมาเพื่อร่วมกันหาคำตอบให้กับโจทย์ใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่อาจจะไม่สามารถหาได้โดยวิธีการแบบเดิมๆ หรือไม่ทันการณ์กับการเปลี่ยนแปลงในโลกดิจิทัล นอกจากนี้ HackaTravel ยังจะสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน รวมทั้งการได้รับคำปรึกษาจากหน่วยงานและผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ตรง ที่เข้าใจเส้นทางการประสบความสำเร็จของวิสาหกิจเริ่มต้น
"งานนี้บอกเลยว่า ททท. มาท้าทายและเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มายืนบนเวทีเดียวกัน และสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ มีสารตั้งต้นคือความตั้งใจและ Passion มีสารกระตุ้นคือมิตรภาพที่จะเรียนรู้ไปพร้อมกัน ททท. เชื่อมั่นในศักยภาพของคนรุ่นใหม่ของไทยว่าในอนาคตจะสามารถเติบโตเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็ง ไม่แพ้ชาติใดในโลก" ผู้ว่าททท. กล่าว
ด้านดร. กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า NIA มีหน้าที่หลักในการพัฒนาระบบนวัตกรรมในประเทศไทย และมีศูนย์ Startup Thailand ในการสนับสนุนพัฒนาระบบนิเวศสตาร์ทอัพ (Startup Ecosystem) และส่งเสริมขีดความสามารถของ Startup ด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว (Travel Tech) ที่ผ่านมาเราได้เล็งเห็นความสำคัญและทำงานร่วมกับ ททท. อย่างใกล้ชิดในการช่วยผลักดันและพัฒนา Startup ด้าน TravelTech ให้เข้มแข็งและสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ โดยในปัจจุบันทาง NIA มีโครงการต่างๆในการสนับสนุน Startup ด้าน Travel tech คือ โครงการ IDE to IPO รุ่นที่ 3 ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างองค์ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับนวัตกรรม การพัฒนาธุรกิจการจัดการนวัตกรรมด้านการโรงแรมและการท่องเที่ยว การให้ทุนสนับสนุนด้านนวัตกรรมการท่องเที่ยว และการจัดทำ Accelerator ด้าน Travel Tech ที่อยู่ในแผนการดำเนินการปีหน้า
"การส่งเสริมคนรุ่นใหม่หรือการสร้างทรายเม็ดใหม่จากรั้วมหาวิทยาลัย ในโครงการ Startup Thailand League และจากกิจกรรม Hackatravel ครั้งนี้ ก็จะเป็นการสร้าง Startup ด้าน Travel Tech ใหม่ๆให้แก่ประเทศไทย เพื่อเป็นนักรบทางเศรษฐกิจรุ่นใหม่มีส่วนช่วยในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป" รองผอ.กล่าว
นายจีระวัฒน์ กุลทรัพย์อุดม Head of Ecosystem บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด (SIRI VENTURES) หนึ่งในผู้สนับสนุนหลักโครงการ HackaTravel กล่าวว่า "แสนสิริ ในฐานะผู้นำของอสังหาริมทรัพย์ไทย ที่ให้ความสำคัญกับการส่งมอบไลฟ์ไตล์การใช้ชีวิต เราเล็งเห็นถึงแนวโน้มธุรกิจการท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเดินหน้ารุกธุรกิจโรงแรมและแอปพลิเคชั่นด้านการท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่ โรงแรมเอสเคป หัวหินและเขาใหญ่ เครือโรงแรมเดอะสแตนดาร์ด (Standard Hotels) แบรนด์โรงแรมระดับโลกที่เตรียมเปิดสาขาใหม่รวมเป็น 20 สาขาทั่วโลก และ One Night แอปพลิเคชั่นสำหรับการจองโรงแรมในวันเดียวกับการเข้าพัก ดังนั้น การสนับสนุนในครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดี ที่แสนสิริได้มีส่วนร่วมในการเปิดเวทีให้กับคนรุ่นใหม่ได้แสดงความสามารถในการคิดค้นนวัตกรรมที่นำมาใช้ได้จริง เพื่อยกระดับธุรกิจการท่องเที่ยวไทยในยุคดิจิทัล รวมทั้งนำโซลูชั่นด้าน Smart Data มาประยุกต์ใช้ในธุรกิจด้าน Hospitality ของแสนสิริได้อย่างเต็มศักยภาพ"
ด้านนายนพพล อนุกูลวิทยา และนายอมรเชษฐ์ จินดาอภิรักษ์ ผู้ร่วมก่อตั้งเทคมีทัวร์ ในฐานะผู้จัดงาน Create a New Era of Tourism in Thailand และโครงการ HackaTravel กล่าวว่า ปัจจุบันทิศทางของอุตสาหกรรมต่างๆ ของโลกได้ถูกเปลี่ยนแปลงตั้งแต่โฉมหน้า รูปแบบ ผู้เล่น ไปจนถึงโครงสร้างของอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นผลจากการเข้ามาของเทคโนโลยีต่างๆ การ Digitalization ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง จึงทำเกิดธุรกิจใหม่ๆ ขณะที่ธุรกิจบางอย่างล้มหายไป และอีกจำนวนมากต้องเร่งปรับตัว อุตสาหกรรมท่องเที่ยวซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทย ก็เช่นเดียวกันที่กำลังพบกับความท้าทายครั้ง
ใหญ่นี้ การจัดงานครั้งนี้จึงมีเป้าหมายสำคัญในการให้ความรู้กับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นและปรับตัวให้ทัน รวมทั้งสนับสนุนคนรุ่นใหม่ที่มีไอเดียนวัตกรรมการท่องเที่ยวใหม่ๆ เข้ามาร่วมกันพัฒนาไอเดียเพื่อให้เกิดเป็นนวัตกรรม หรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้จริง รวมทั้งสร้างให้เกิดการพัฒนาต่อยอดเป็นธุรกิจต่อไป
"โครงการ HackaTravel มีจำนวนผู้สมัครเข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 268 คน ประกอบด้วยนิสิต นักศึกษาที่กำลังศึกษาด้าน software developer และบุคคลทั่วไปที่ทำงานเป็นนักพัฒนาหรือ developer เป็นส่วนใหญ่ หลังจากปิดรับสมัครทางโครงการฯ ได้มีการคัดเลือกรอบแรก โดยมีผู้ผ่านการคัดเลือกทั้งหมด 90 คน โดยคัดเลือกจากความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีเป็น software developer เป็นนักการตลาดออนไลน์ที่มีความสามารถทางธุรกิจหรือผู้ที่เชี่ยวชาญเรื่องการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ซึ่งการคัดเลือกทางกรรมการดูจากส่วนผสมของผู้ที่เข้าร่วมโดยให้มีนักพัฒนากับผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจการท่องเที่ยวอยู่ในอัตราส่วนที่สามารถแข่งขัน Hackathon ได้ ด้วยเป้าหมายของโครงการที่ต้องการสนับสนุนให้เกิดไอเดียนวัตกรรมการท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่สามารถ "ทำได้จริง" จึงต้องการคัดผู้เข้าร่วมให้มีความหลากหลายทางทักษะและมีประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวให้มารวมกัน"
สำหรับการแข่งขัน Hackathon จะใช้ระยะเวลาทั้งหมด 2 วันเต็ม คือในวันที่ 27-28 เมษายน 2562 ณ ศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CU Innovation Hub) การแข่งขันจะแบ่งทีม ทีมละ 3-6 คน โดยภายในกิจกรรม Hackathon จะมีช่วงพิเศษ ให้ผู้ที่สมัครเข้ามาแบบทีมแล้ว สามารถเปลี่ยนใจแยกทีมได้เช่นกันซึ่งเป็นสีสันของการแข่ง เพราะในโลกของความเป็นจริงก็มีโอกาสที่ทีมจะแตกได้เช่นกัน
การแข่งขันได้กำหนดโจทย์ไว้ 4 เรื่อง ดังนี้ 1. Emerging Destination Tourismการท่องเที่ยวเมืองรอง 2. Tools For Tourism Businessเครื่องมือทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยว 3. Enabling Seamless Travel Experienceเครื่องมืออำนวยความสะดวกในด้านการท่องเที่ยว 4. Smart Data การเก็บและประยุกต์การใช้ข้อมูลด้านการท่องเที่ยว โดยแต่ละทีมสามารถเลือกโจทย์ได้ตามความถนัดของตัวเอง
"ในการแข่งขันโครงการ HackaTravel ครั้งนี้ นอกจากผู้เข้าแข่งขันจะได้รับความรู้และคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในแวดวงเทคโนโลยีและแวดวงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวตลอดทั้งสองวัน ยังมีเงินรางวัลมูลค่าสูงสุด 300,000 บาทมอบให้กับผู้ชนะการแข่งขันจำนวน 3 รางวัลดังนี้ ทีมชนะเลิศรับรางวัลมูลค่า 150,000 บาท ทีมรองชนะเลิศอันดับ 1 รับรางวัลมูลค่า 100,000 บาท และทีมรองชนะเลิศอันดับ 2 รับรางวัลมูลค่า 50,000 บาท นอกจากผู้ชนะการแข่งขันยังจะได้รับโอกาสดีๆ ในการสนับสนุนพัฒนาต่อยอดให้เป็นธุรกิจจากพันธมิตรต่างๆ ของโครงการอีกด้วย" ผู้จัดงานกล่าว
ผู้สนใจสามารถติดตามการแข่งขันได้ทาง www.takemetour.com/hackatravel