กรุงเทพฯ--29 เม.ย.--เถ้าแก่น้อย เรสเตอรองท์ แอนด์ แฟรนไชส์
"เถ้าแก่น้อย เรสเตอรองท์ แอนด์ แฟรนไชส์" คว้าสิทธิ์บริหารแต่เพียงผู้เดียว (ในประเทศไทย) ของร้านอาหารญี่ปุ่น "ฮิโนยะ เคอรี่" ข้าวแกงกะหรี่ดีกรีแชมป์ เจ้าของรางวัลชนะเลิศ Kanda Curry Grand Prix ปี 2013 ประเทศญี่ปุ่น ประเดิมเปิดสาขาแรกที่เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก ถนนราชดำริ ย่านประตูน้ำ ตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และถือเป็นสาขาแรกนอกประเทศญี่ปุ่น โดยชูจุดขายรสชาติเข้มข้น พร้อมท็อปปิ้งเกือบ 30 ชนิด และเมนูพิเศษสำหรับนักชิมไทย มั่นใจสยายปีกครบ 10 สาขาภายใน 2 ปี กวาดรายได้ 100 ล้านบาท
นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย เรสเตอรองท์ แอนด์ แฟรนไชส์ จำกัด ผู้บริหารร้าน "เถ้าแก่น้อยแลนด์" เปิดเผยว่า เพื่อสานต่อแนวคิดฟู้ด อินโนเวชั่น บริษัทได้สิทธิ์เป็นผู้บริหารหรือเอ็กซ์คลูซีฟแฟรนไชส์ร้านข้าวแกงกะหรี่ "ฮิโนยะ เคอรี่" (Hinoya Curry) ในประเทศไทย ซึ่งโดดเด่นด้วยคอนเซปท์ "แกงมิดข้าว" กับแกงกะหรี่สูตรพิเศษที่สืบทอดกันมา 3 เจนเนอเรชั่น ภายใต้สโลแกน "ข้าวแกงกะหรี่ ดีกรีแชมป์"
สำหรับร้านฮิโนยะ เคอรี่ หรือ Hinoya Curry เป็นร้านข้าวแกงกะหรี่ชื่อดังในประเทศญี่ปุ่น ถือกำเนิดในYushima ในกรุงโตเกียว ในปีคศ. 2011 แม้จะเป็นทำเลที่ไม่มีคนพลุกพล่านมากนัก แต่ฮิโนยะ เคอรี่กลับทำยอดขายได้ดีเยี่ยม คิวยาวตลอด จาก ร้านเล็ก ๆ แห่งแรกเพียงร้านเดียว จึงเติบโตอย่างรวดเร็ว ลูกค้าพูดกันปากต่อปากอย่างไม่ขาดสาย ชื่อของฮิโนยะ เคอรี่ เป็นที่โด่งดังไปทั่วประเทศ เมื่อเข้าร่วมแข่งขันและได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันแกงกะหรี่ระดับประเทศ Kanda Curry Grand Prix ปี 2013 ซึ่งมีร้านข้าวแกงกะหรี่ร่วมแข่งขันกว่า 300 ร้าน ก่อนที่จะหาผู้ผ่านเข้ารอบ 23 ร้าน เพื่อแข่งขันในรอบสุดท้าย โดยให้ผู้ที่เข้าร่วมงานเกือบ 50,000 คน ได้ชิมและลงคะแนนให้กับร้านที่ถูกปาก โดนใจมากที่สุด และ "ฮิโนยะ เคอรี่" ก็ได้รับรางวัลชนะเลิศ นับเป็นร้านคลื่นลูกใหม่ที่คว้ารางวัลชนะเลิศด้วยเมนูข้าวแกงกระหรี่ไข่ดิบ และข้าวแกงกะหรี่หมูทอดทงคัตสึหลังจากเปิดร้านได้เพียง 1 ปี 10 เดือนท่ามกลางคู่แข่งขันที่เปิดร้านเก่าแก่กว่า 30 ปี และยังได้รับคะแนนโหวตสูงสุดอันดับ 1 พร้อมกับยอดขายถึง 2,500 จาน ในระยะเวลาแค่ 3 วัน
นายฮิอูระ มาซารุ (Mr. Hiura Masaru) เจ้าของร้านและเชฟชื่อดัง ผู้สืบทอดสูตรข้าวแกงกะหรี่ดั้งเดิมตั้งแต่สมัยโชวะ "Hinoya Curry" (ฮิโนยะ เคอรี่) กล่าวว่า แกงกะหรี่ฮิโนยะ คิดค้นโดยคุณย่า ปรุงโดยคุณพ่อ ผ่านการคิดค้น ทดลองให้มีมิติที่เข้มข้นยิ่งขึ้นในรุ่นลูกคือเขาเอง ถือเป็นแกงกะหรี่พรีเมี่ยมที่มีมิติแปลกใหม่ คงสเน่ห์ของความดั้งเดิมแบบญี่ปุ่น แต่เพิ่มเติมมิติที่สามด้วยส่วนผสมกว่า 90 ชนิด อาทิ กล้วย มะม่วง องุ่นแห้ง และลูกพีช และเครื่องเทศกว่า 26 ชนิด ฯลฯ จนมีเอกลักษณ์ตามสโลแกน "คำแรกหวาน คำที่สองเผ็ดร้อน คำสุดท้ายหอมกรุ่นอยู่ในปาก" ถูกปากชาวญี่ปุ่น ตลอดจนนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ความสำเร็จดังกล่าวทำให้ ฮิโนยะ เคอรี่ ต้องขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนวันนี้ ฮิโนยะ เคอรี่ กลายเป็นร้านขวัญใจคนรุ่นใหม่ ทั้งกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงานที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว คุ้มค่า รวมถึงกลุ่มวัยกลางคนถึงสูงอายุด้วยรสชาติที่กลมกล่อม เข้มข้นแบบดั้งเดิม แต่แปลกใหม่ จนเติบโตมีสาขารวม 57 แห่ง พร้อมกับการเดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่อง ด้วยคอนเซปท์ "แกงมิดข้าว" อร่อยจุใจ พร้อมรสสัมผัสตั้งแต่แรกเริ่ม ด้วย "คำแรกหวาน คำที่สองเผ็ดร้อน คำสุดท้ายหอมกรุ่นอยู่ในปาก" (????? ?????? ????)ทำให้ ฮิโนยะ เคอรี่ เป็นร้านแกงกะหรี่คลื่นลูกใหม่ ขวัญใจสาวกข้าวแกงกะหรี่ ตัวจริง เสียงจริง
นายอิทธิพัทธ์ กล่าวว่า สำหรับร้านฮิโนยะ เคอรี่ ข้าวแกงกะหรี่สาขาแรกในเมืองไทย ณ เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก มีพื้นที่ราว 80 ตารางเมตร รองรับลูกค้าได้ 45 ที่นั่ง ใช้งบลงทุนราว 4-5 ล้านบาท ภายในร้านมีเมนูข้าวแกงกะหรี่หน้าต่างๆ ให้เลือกเกือบ 30 รายการ ในขนาด S M และ L มีราคาเริ่มต้นที่ 140 บาท โดยเมนูไฮไลต์ได้แก่ ข้าวแกงกะหรี่หน้าไข่ดิบ (ราคาเริ่มต้นที่ 160บ.), ข้าวแกงกะหรี่หมูทอดทงคัตสึ (ราคาเริ่มต้นที่ 220บ.) , ข้าวแกงกะหรี่ไก่ทอดซอสนัมบัง (ราคาเริ่มต้นที่ 210บ.), ฯลฯ และในวันนี้ ยังเปิดตัวเมนูใหม่ล่าสุดอีก 7 เมนู ได้แก่ "ข้าวแกงกะหรี่โนริสาหร่ายเถ้าแก่น้อย (ราคาเริ่มต้นที่ 160บ.)" ที่ผสมผสานความหอมอร่อยกลมกล่อมของสาหร่ายเถ้าแก่น้อย เข้ากับความเข้มข้น 3 มิติของแกงกะหรี่ฮิโนยะได้อย่างลงตัว, และยัง เอาใจคนรักเนื้อวัว ด้วยเมนูวากิว หรือเนื้อวัวจากญี่ปุ่น "ข้าวแกงกะหรี่วากิวอะบุริ" ที่คัดสรรเนื้อวากิวชั้นดีนำมาลนไฟ รับประทานคู่กับไข่ดิบ (ราคาเริ่มต้นที่ 380 บ.) และเมนูข้าวแกงกระหรี่แฮมเบิร์กเนื้อ (ราคาเริ่มต้นที่ 240บ.), ท้ายสุดเมนูพิเศษรวมท๊อปปิ้งยอดนิยม ให้คนรักแกงกะหรี่ได้อิ่มฟินอย่างจุใจในจานเดียว คือเมนู "ข้าวแกงกะหรี่จัมโบ้ รวม 6 อย่าง หมูทงคัตสึ, ไก่นัมบัง, ชีสย่าง, ไข่แดง, กุ้งทอด, และไส้กรอก (ราคาเริ่มต้นที่ 440บ.) " ทั้งหมดนี้พร้อมให้คอแกงกะหรี่ลิ้มลองตั้งแต่ 29 เมษายน 2562 เป็นต้นไป
นอกจากนั้นยังมีแพลนเปิดตัวเมนูใหม่อีกล๊อต ได้แก่ ข้าวแกงกะหรี่ซี่โครงหมูบาร์บีคิว (ราคาเริ่มต้นที่ 380บ.), ข้าวแกงกะหรี่ปลาแซลมอนคัตสึ (ราคาเริ่มต้นที่ 240บ.), อุด้งแกงกะหรี่ฮิโนยะ (ราคาเริ่มต้นที่ 200บ.) ที่จะพร้อมให้ทุกท่านได้สัมผัสความอร่อยล้ำได้ในวันที่ 1 มิ.ย. นี้
โดยพบว่า ร้านฮิโนยะ เคอรี่ สาขาแรกได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มียอดขาย 700-800 จานต่อวันสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 300 จานต่อวัน และมีแผนขยายสาขาไม่ต่ำกว่า 10 สาขาภายใน 2 ปี ด้วยรายได้กว่า 100 ล้านบาท โดยประเดิมการขยายสาขา ด้วยการเปิดสาขาที่สองที่ชั้น 2 Cosmo plaza เมืองทองธานี วันที่ 29 พค.ที่จะถึงนี้ พร้อมเดินหน้าขยายสาขาให้ได้ 100 สาขาภายใน 10 ปี ในรูปแบบรับประทานในร้าน (Dine in) บริการนำกลับบ้าน (Take Aways) และบริการส่งถึงบ้าน (Delivery) ทั้งนี้ธุรกิจประเภทดังกล่าวมีระยะเวลาคืนทุนเฉลี่ยประมาณ 2 ปี
สำหรับตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นในเมืองไทยมีมูลค่าตลาดรวม 22,000 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมามีการเติบโตร้อยละ 15% โดยพบว่ามีผู้ประกอบการใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก ขณะเดียวกันพบว่า มีร้านอาหารญี่ปุ่นประเภทใหม่ๆ เกิดขึ้นมาก ไม่ว่าเป็นร้านราเมง ร้านซูชิ ร้านทงคัตสึ รวมถึงร้านข้าวแกงกะหรี่ แต่พบว่าในธุรกิจร้านข้าวแกงกะหรี่มีการแข่งขันที่ไม่รุนแรงมากนัก จากผู้ประกอบการที่น้อยราย ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคหันมาบริโภคข้าวแกงกะหรี่มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มคนไทยที่นิยมไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ทำให้มองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจและการสร้างตลาดข้าวแกงกะหรี่ให้เติบโตขึ้น