กรุงเทพฯ--30 เม.ย.--เวิรฟ พับบลิค รีเลชั่นส์ คอนซัลแตนท์ซี
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด สร้างสีสันให้กับวงการรถหรูอีกครั้ง เปิดตัว รถสปอร์ตสมรรถนะสูง 5 รุ่นใหม่ภายใต้แบรนด์ Mercedes-AMG เอาใจคนรักความเร็ว และแรงโดยเฉพาะ ยกทัพมาทั้งรุ่น Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupe และ Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupe ที่เปิดตัวครั้งแรกในเอเชียตะวันออก เฉียงใต้, Mercedes-AMG G 63, Mercedes-AMG C 43 4MATIC รุ่นประกอบในประเทศ และ Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ รุ่นประกอบในประเทศ ที่มาพร้อมกับนวัตกรรม และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย และรูปร่างที่มีดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมที่จะยกระดับประสบการณ์ ในการขับขี่รถสปอร์ตขึ้นไปอีกขั้น นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ยังพร้อมจัดกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น AMG Private Lounge คอมมูนิตี้สำหรับกลุ่มผู้ขับขี่รถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี และ AMG Driving Academy ที่จะจัดขึ้นเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมพร้อมสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี อย่างเป็นทางการทั้ง 13 แห่งทั่วประเทศ
มร. โรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "นับเป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษแล้วที่แบรนด์ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ได้รับการยอมรับในฐานะแบรนด์รถสปอร์ตระดับแถวหน้า ที่โดดเด่นทั้งในด้านกีฬามอเตอร์สปอร์ตและด้านการพัฒนารถยนต์ที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาแบรนด์ได้เติบโตขึ้น และมีการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างมากมาย โดยยังคงยึดถือหลักการสร้างสรรค์รถยนต์ที่สามารถ 'ขับเคลื่อนทุกสมรรถนะ – Driving Performance' เป็นหัวใจหลักของแบรนด์ ที่พร้อมส่งมอบเทคโนโลยีอันล้ำสมัย และ เต็มเปี่ยมด้วยนวัตกรรมเพื่อมอบความเร้าอารมณ์ให้กับทุกการขับขี่ให้กับผู้ใช้รถอยู่เสมอ จาก ความเอาใจใส่ในความต้องการของลูกค้าและการสร้างความมั่นใจในตัวแบรนด์นี้เองที่ทำให้รถยนต์ภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีมียอดขายพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีจำนวนยอดขาย ทั่วโลกถึงหกหลักในปีพ.ศ. 2561"
"สำหรับในประเทศไทย วันนี้ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ กับการเปิดตัวเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี รุ่นใหม่ล่าสุดถึง 5 รุ่น ได้แก่ Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupe และ Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupe, Mercedes-AMG G 63,
Mercedes-AMG C 43 4MATIC รุ่นประกอบในประเทศ และ Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ รุ่นประกอบในประเทศ ซึ่งแต่ละรุ่นมีคาแรกเตอร์และความโดดเด่นที่แตกต่างกัน เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่ม โดยประเทศไทยได้รับความไว้วางใจจากบริษัท เดมเลอร์ เอจี ให้เปิดตัว Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupe และ Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupe เป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้"
"การนำเสนอรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีที แบบคูเป้ 4 ประตูนั้นเป็นเครื่องยืนยันว่าโรงงาน ของเราที่เมืองซินเดลฟิงเก้นเป็นโรงงานผลิตและพัฒนารถยนต์หรูชั้นสูงที่เยี่ยมยอดอย่างแท้จริง รถยนต์รุ่นนี้ถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือของทีมงานที่มีทั้งความสามารถและความเอาใจใส่ในการผลิตรถยนต์เป็นอย่างมาก ซึ่งเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีใช้ปรัชญาการผลิตเครื่องยนต์ทุกเครื่อง แบบ "1 ช่างฝีมือ ต่อเครื่องยนต์ 1 เครื่อง – one man, one engine" กล่าวคือ เครื่องยนต์ของรถยนต์ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีแต่ละคันจะผลิตด้วยมือและใช้ช่างฝีมือเพียง 1 คนเท่านั้นตลอดกระบวนการประกอบ และในขั้นตอนสุดท้าย ช่างฝีมือที่ประกอบเครื่องยนต์แต่ละเครื่องจะเซ็นชื่อของตนลงบนแผ่นโลหะที่ติดอยู่บนฝาครอบเครื่องยนต์เพื่อเป็นการรับรองคุณภาพและมาตรฐาน ซึ่งก่อนปี พ.ศ. 2563 ที่กำลังจะมาถึงนี้ กลุ่มบริษัทเดมเลอร์จะลงทุนประมาณ1.5 พันล้านยูโรที่โรงงานผลิตรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีแห่งนี้เพื่อสานต่ออนาคตของบริษัท ด้วยการปรับเปลี่ยนให้โรงงาน มีความทันสมัยเพื่อรองรับความต้องการที่มากขึ้นในอนาคต พร้อมลงทุนเพิ่มอีก 600 ล้านยูโรเพื่อการวิจัยและพัฒนาอีกด้วย ซึ่งส่งผลให้การลงทุนในครั้งนี้มีมูลค่ารวมกว่า 2.1 พันล้านยูโร" มร.โรลันด์ กล่าวเพิ่มเติม
มร. ฟรังค์ ชไตน์อัคเคอร์ รองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "นอกจาก Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupe และ Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupe ที่จะเปิดตัววันนี้เป็นครั้งแรกแล้ว บริษัทฯ ยังนำเสนอรถยนต์อีก 3 รุ่นไฮไลท์ที่ได้รับเสียงตอบรับที่ ยอดเยี่ยมจากต่างประเทศอย่าง Mercedes-AMG G 63 รถยนต์ที่ถือเป็นผู้นำในกลุ่มรถยนต์หรูแบบออฟโร้ด ที่เราได้เสริม ความแรงด้วยเครื่องยนต์สมรรถนะสูง ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในทุกสภาพอากาศและ ทุกสภาพถนนมากยิ่งขึ้น รวมถึงรถยนต์รุ่นประกอบในประเทศอีก 2 รุ่น อย่าง Mercedes-AMG
C 43 4MATIC และ Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ ที่ในครั้งนี้นำเสนอในรูปแบบของรถยนต์นั่ง 4 ประตู ซึ่งได้รับการปรับโฉมทั้งในด้านรูปลักษณ์ สมรรถนะ อัตราการใช้พลังงาน และความรู้สึกขณะขับขี่ตามสไตล์เอเอ็มจี โดยมาพร้อมกับนวัตกรรมใหม่ล่าสุดอย่างระบบ
อีคิวบูสท์ (EQ Boost) ในรถยนต์ Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupe และ Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ พร้อมทั้งบริการ Mercedes me connect"
"นับตั้งแต่การเปิดตัวแบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เมื่อปีพ.ศ. 2560
ที่เราได้แนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ 4 รุ่น อย่าง Mercedes-AMG GLC 43 4MATIC Coupe, Mercedes-AMG GLA 45 4MATIC, Mercedes-AMG GT R และ Mercedes-AMG
GT C Roadster เราได้รับการตอบรับและความเชื่อมั่นจากลูกค้าเป็นอย่างดี และเราได้เดินหน้ารุกตลาดรถยนต์สมรรถนะสูงอย่างต่อเนื่อง ด้วยการนำเสนอรถยนต์อีก 6 รุ่น ได้แก่
C 43 4MATIC Coupe LOCAL PRODUCTION, GLC 43 4MATIC Coupe
LOCAL PRODUCTION, E 63 S 4MATIC+, C 43 4MATIC Coupe (Facelift)
LOCAL PRODUCTION, CLS 53 4MATIC+ และ Mercedes-AMG GT S ในปีพ.ศ. 2561 ซึ่งทำให้ยอดขายเติบโตขึ้นถึง 309% เมื่อเทียบกับปี 2017 โดยในปีนี้ บริษัทฯ ยังคง เน้นนำเสนอรถยนต์ที่ลูกค้าสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ ประเดิมด้วยการเปิดตัวรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีไปแล้ว 2 รุ่น คือ Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ รุ่นประกอบในประเทศ และ Mercedes-AMG E 53 4MATIC+ Coupe รุ่นนำเข้า โดยยอดขายเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีใน ไตรมาสแรกในปีนี้เติบโตขึ้นกว่า 79% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา"
"การเปิดตัวทั้ง 5 รุ่นในวันนี้ จะไม่เพียงแค่สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ให้กับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นการเติมเต็มพอร์ทโฟลิโอของรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี
ในประเทศไทย ที่ปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 18 รุ่น ครอบคลุมทั้งตระกูล 43, 45, 53, 63, 63 S และ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีที โดยในปีนี้ ทางบริษัทฯ ยังเตรียมมอบเซอร์ไพรส์ให้กับทุกท่าน ด้วยการวางแผนนำเสนอรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีรุ่นใหม่ถึง 5 รุ่นทั้งรุ่นนำเข้าและรุ่นประกอบ ในประเทศ ซึ่งนอกจากรถยนต์รุ่นใหม่แล้ว ทางบริษัทฯ ยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของกิจกรรม สานสัมพันธ์ระหว่างบริษัทและลูกค้าของเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีทุกท่าน จึงได้จัดเตรียมกิจกรรมไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น AMG Private Lounge คอมมูนิตี้สำหรับกลุ่มผู้ขับขี่รถยนต์ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีโดยเฉพาะ เพื่อรับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมที่ทางบริษัทฯ จัดขึ้นทั้งในประเทศไทย และกิจกรรมจากค่ายเอเอ็มจีทั่วโลกอีกด้วยด้วย นอกจากนี้ เรายังเตรียมจัด AMG Driving Academy เป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้ผู้ชื่นชอบความเร็วแรงทุกท่าน ได้สัมผัสรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีอย่างใกล้ชิด ภายใต้คำแนะนำของทีมนักขับมืออาชีพ ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถติดต่อผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีอย่างเป็นทางการทั้ง 13 แห่ง ทั่วประเทศที่พร้อมมอบบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของกลุ่มรถยนต์สมรรถนะสูงโดยเฉพาะ"
ข้อมูลผลิตภัณฑ์
Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupe และ Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupe
Mercedes-AMG GT 4-Door Coupe เป็นสมาชิกใหม่ของรถยนต์ตระกูล AMG GT ที่พัฒนาขึ้นตามแนวคิด "ชีวิตคือการ แข่งขัน – Life is a race" และเป็นรถสปอร์ต 4 ประตูรุ่นแรกที่
เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีพัฒนาเองทุกกระบวนการ รถยนต์รุ่นนี้เป็นส่วนผสมที่ลงตัวของ ความสะดวกสบาย ความเร้าใจ และสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมเพื่อการขับขี่ในทุกสถานการณ์ รวมถึงตัวเลือกเพื่อการปรับแต่งได้ตามรสนิยม และนวัตกรรมยานยนต์รุ่นล่าสุดเพื่อความสปอร์ตใน ทุกจังหวะ
ดีไซน์ภายนอก ของ Mercedes-AMG GT 4-Door Coupe เป็นรถสปอร์ต 4 ประตูที่มีรากฐาน มาจากทั้งรถยนต์ตระกูล SLS และ AMG GT, กระจังหน้าแบบ AMG-Specific radiator grille พร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์, aerofoil ที่สามารถยืดและหดได้ด้วยระบบไฟฟ้า, หลังคาซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า อีกทั้งยังมีดิสก์เบรก AMG high-performance
ท่อไอเสียคู่แบบ Two round twin tailpipe เฉพาะของ AMG และล้ออัลลอย AMG น้ำหนักเบาขนาด 20 นิ้ว 5 ก้านคู่ และระบบไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ที่มีหลอดไฟ LED 84 หลอดต่อข้าง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่ช่วยให้ทัศนวิสัยการขับขี่ยามค่ำคืนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด
ดีไซน์ภายใน ของรถยนต์ทั้ง 2 รุ่น มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น เหมาะสมกับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ หน้าจอแบบ Widescreen cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว จำนวน 2 หน้าจอ ที่มาพร้อมกับระบบ MB Audio 20 ที่มีฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ Apple CarPlay(TM) และ Android Auto, พวงมาลัยแบบ AMG Performance สปอร์ตท้ายตัดหุ้มหนัง nappa และ Touchpad แบบใหม่ที่สะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม และระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester(R) surround sound system โดย Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupe มาพร้อมเบาะด้านหลังแบบ 3 ที่นั่ง หุ้มด้วยหนัง ARTICO ตัดสลับ DINAMICA microfibre ในขณะที่ Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupe มาพร้อมเบาะที่นั่งด้านหน้า แบบ AMG Performance Seats ที่สามารถปรับให้กระชับกับสรีระ เพิ่มความสบายแต่แฝงด้วยความสปอร์ต อย่างลงตัว เบาะด้านหลังตกแต่งด้วยหนังสุดหรูระดับไฮ-คลาส พร้อมที่นั่งเดี่ยวที่ให้ความสบาย เสมือนนั่งอยู่บนเครื่องบินชั้นธุรกิจ
นวัตกรรมและเทคโนโลยี ของ Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupe มาพร้อมกับ ระบบอีคิวบูสท์ (EQ Boost) มอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษที่เป็นตัวกลางช่วยประสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับระบบเกียร์ และยังสามารถสร้างและจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถที่ใช้แรงดันไฟฟ้า 48 โวลต์ได้, AMG Performance 4MATIC+ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่จะรักษาความสมดุลและเสถียรภาพของรถได้เป็นอย่างดีในทุกสภาพถนน, ระบบช่วงล่าง AMG RIDE CONTROL+ ที่ใช้ระบบ ADS+ สามารถปรับได้ 3 ระดับตามสไตล์การขับขี่และสภาพถนน, ระบบ AMG DYNAMIC SELECT ที่สามารถปรับได้ 3 โหมด คือ Sport, Sport+ และ Individual, ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist Plus), ระบบ Active Braking Assist ที่ช่วยหลีกเลี่ยงการชนกับรถยนต์คันอื่น หรือคนเดินถนนในบริเวณทางแยก, ระบบกุญแจรถยนต์แบบ KEYLESS-GO และระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist) ที่มาพร้อมกับกล้อง 360 องศา โดย Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupe ใช้เครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 BITURBO ที่ให้พละกำลังสูงสุดถึง 639 แรงม้า และมาพร้อมกับระบบควบคุมการเลี้ยวด้วยล้อหลัง (AMG Rear Axle Steering) AMG DYNAMIC PLUS package ที่ช่วยเสริมพลศาสตร์ยานยนต์และลักษณะรถยนต์แบบสปอร์ต นอกจากยางรองแท่นเครื่องยนต์และที่ยึดเกียร์แบบไดนามิกแล้ว แพ็กเกจดังกล่าวยังมีระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตที่ปรับให้แน่นขึ้น รวมถึงระบบบังคับเลี้ยวแบบพิเศษด้วย
Mercedes-AMG GT 4-Door Coupe ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT TCT
9-speed ที่มีชุดคำสั่งเฉพาะที่ช่วยให้ระยะทดกำลังเมื่อเปลี่ยนเกียร์สั้นที่สุด ซึ่งทำให้ความเร็วของรถเพิ่มขึ้นได้เร็วกว่าเดิม โดยเฉพาะเมื่อขับขี่ในโหมด Sport+ และโหมดกำหนดเอง
- Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupe ราคา 9,990,000 บาท
- Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupe ราคา 14,990,000 บาท
Mercedes-AMG G 63
Mercedes-AMG G 63 เป็นรถยนต์ที่สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดของรถยนต์ G-Class ในตระกูล Mercedes-AMG ที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ และสถานะการเป็นผู้นำในกลุ่มรถยนต์หรูแบบออฟโร้ดเอาไว้อย่างมั่นคง
ดีไซน์ภายนอก Mercedes-AMG G 63 ได้รับการออกแบบให้สะท้อนเอกลักษณ์ของแบรนด์เอเอ็มจีและมีรูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร ด้วยโครงสร้างตัวถังทรงสี่เหลี่ยมที่ใช้เหล็กกล้าหลากหลายระดับ มีความทนทานและแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าโครงสร้างเดิมถึง 55% และ ยังช่วยดูดซับเสียงรบกวนในห้องโดยสารได้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่สปอยเลอร์ ฝากระโปรงหน้า และประตูใช้อลูมิเนียมเป็นวัสดุหลัก รถคันนี้มาพร้อมกับหลังคาซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า ล้ออัลลอย AMG ขนาด 21 นิ้ว 5 ก้านคู่ ไฟหน้าทรงกลมที่ใช้ระบบ MULTIBEAM LED เทคโนโลยีขั้นสูงที่ช่วยให้ทัศนวิสัยการขับขี่ยามค่ำคืนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด ไฟเลี้ยวแบบเชื่อมเข้ากับตัวถัง กันชนเสริมที่ดูดุดันเข้ากับแถบสีดำเงา และตราสัญลักษณ์เอเอ็มจีสีเงิน ที่แขวนยางอะไหล่ด้านหลังพร้อมฝาปิดที่ทำจากสแตนเลสที่มีตราสัญลักษณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์แบบ 3 มิติ ด้านหน้าของตัวรถเป็นกระจังและกันชนหน้าของเอเอ็มจีที่มีท่อ รับอากาศด้านข้างและเก็บขอบเป็นสีเงินอิริเดียม นอกจากนี้ส่วนหลังคาของรถยังเชื่อมต่อกับโครงสร้างตัวถังด้วยกระบวนการเชื่อมโดยใช้แสงเลเซอร์แทนที่การเชื่อมแบบอัด ซึ่งช่วยให้ ส่วนหลังคาเรียบเนียนและแข็งแกร่งกว่าเดิม พร้อมทั้งยังมีการเชื่อมหน้าต่างเข้ากับตัวถังโดยตรงเป็นครั้งแรกเพื่อให้ตัวถังแข็งแกร่งขึ้น ลดการสึกกร่อนของกรอบหน้าต่างด้วย
ดีไซน์ภายใน มีการตกแต่งภายในแบบใหม่ เพื่อให้ห้องโดยสารมีความทันสมัยและใหญ่ขึ้น ในทุกมิติ คือ ยาวกว่าเดิม 101 มิลลิเมตร กว้างกว่าเดิม 121 มิลลิเมตร และสูงกว่าเดิม 40 มิลลิเมตร มาพร้อมหน้าปัดนาฬิกาแบบ IWC แบบเฉพาะของ AMG และแผงหน้าปัดทั้งแบบ analog และแบบดิจิทัลที่ใช้หน้าจอ widescreen ขนาด 12.3 นิ้ว 2 หน้าจอที่เชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียวภายในกระจกขนาดใหญ่ สามารถแสดงผลได้ 3 แบบคือ Classic, Sporty และ Progressive และแสดงภาพด้วยระบบ COMAND Online บนจอแสดงผล มีพวงมาลัย AMG Performance แบบท้ายตัดหุ้มหนัง NAPPA ตัดสลับ DINAMICA Microfibre มีขอบโค้งจับได้กระชับมือและส่วนนูนที่ช่วยบอกตำแหน่งการจับเพื่อช่วยให้ควบคุมรถได้ง่าย ช่องลมของเครื่องปรับอากาศออกแบบให้เป็นทรงกลมเพื่อรับกับไฟหน้าและชุดไฟแสดงสถานะของรถบนแผงคอนโซล มือจับบนเพดานเพื่อช่วยในการเข้าออกของผู้โดยสารตอนหน้า สวิตช์ปรับเปลี่ยนการทำงานของระบบช่วงล่างที่เป็นสีเงินโครเมี่ยม เบาะที่นั่งทั้งหมดหุ้มหนัง nappa ที่มีปีกเบาะเสริมการปกป้องด้านข้างของผู้โดยสาร ที่มาพร้อมคุณสมบัติพิเศษมากมาย เช่น ระบบจดจำการปรับตั้งค่าเบาะที่นั่ง ระบบอุ่นเบาะสำหรับทุกคนในห้องโดยสาร และพนักพิงศีรษะสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า เบาะหลังสามารถพับลงได้ 3 ตอน คือ 40%, 60% และ 100% อีกทั้งยังติดตั้งระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester(R) surround sound system และระบบไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 64 สี
นวัตกรรมและเทคโนโลยี มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่เน้นการกระจายกำลังไปที่ล้อคู่หลังแบบ 40:60, ระบบช่วงล่าง AMG RIDE CONTROL ที่เป็นระบบมาตรฐานของรถยนต์รุ่นนี้ สามารถปรับได้ตามสไตล์การขับขี่และสภาพถนน โดยระบบจะอ้างอิงข้อมูลต่างๆ เช่นทิศทางและความเร็วของรถ ซึ่งผู้ขับขี่สามารถเลือกปรับได้ 3 โหมด คือ Comfort, Sport, และ Sport+, ระบบ Active Lane Keeping Assist ที่ช่วยลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุที่มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยน ช่องจราจรโดยไม่ได้ตั้งใจ, ระบบ Active Braking Assist ที่ช่วยหลีกเลี่ยงการชนกับรถยนต์ คันอื่น หรือคนเดินถนนในบริเวณทางแยก
Mercedes-AMG G 63 มีอัตราการใช้พลังงานแบบผสมที่ 13.1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบผสมที่ 299 กรัมต่อกิโลเมตร มาพร้อมกับ ระบบเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT TCT 9-speed Sport ที่มีชุดคำสั่งเฉพาะที่ช่วยให้ ระยะทดกำลังเมื่อเปลี่ยนเกียร์สั้นที่สุด ช่วยให้ความเร็วของรถเพิ่มขึ้นได้เร็วกว่าเดิม โดยเฉพาะ เมื่อขับขี่ในโหมด Sport+ และโหมดกำหนดเอง
- Mercedes-AMG G 63 ราคา 14,790,000 บาท
Mercedes-AMG C 43 4MATIC รุ่นประกอบในประเทศ
รถยนต์กลุ่ม C-Class เป็นรถยนต์กลุ่มที่มียอดจำหน่ายสูงสุดของเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี และมีส่วนช่วยเสริมสร้างให้แบรนด์รถยนต์สมรรถนะสูงนี้ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน ซึ่งการพัฒนารถยนต์ตระกูล 43 ในปีพ.ศ. 2558 นั้นถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างและสานต่อความสำเร็จของเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีมาจนถึงปัจจุบัน ความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างต่อเนื่องและเสียงตอบรับอันเยี่ยมยอดจากผู้เป็นเจ้าของเป็นแรงผลักดันให้เราพัฒนารถยนต์ C 43 รุ่นปรับโฉมในทุกด้าน ทั้งรูปลักษณ์ สมรรถนะ อัตราการใช้พลังงาน และความรู้สึกขณะ ขับขี่ตามสไตล์เอเอ็มจี
ดีไซน์ภายนอก ของรถยนต์รุ่นนี้ ดูโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าเอเอ็มจีก้านคู่ตกแต่งด้วยสีเงิน แบบด้าน ฝากระโปรงหน้าที่ปรับแต่งด้วยเส้นสายใหม่ให้สวยงามกว่าเดิม โครงสร้างบังคับทิศทางลมที่ยกตัวขึ้นจากฝากระโปรงหน้าที่ได้รับการออกแบบให้ช่วยควบคุมการไหลเวียนของลมที่ปะทะด้านหน้าของตัวรถให้ดียิ่งขึ้น สเกิร์ตข้างที่ดีไซน์ให้เข้ากับล้ออัลลอยน้ำหนักเบา แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว จากเอเอ็มจี โดยช่องลมและองศาก้านล้อได้รับการปรับปรุงอย่างละเอียดในอุโมงค์ลมเพื่อให้การไหลเวียนของอากาศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการพัฒนาล้ออัลลอยนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาด้านอากาศพลศาสตร์ น้ำหนักรถและความร้อนที่ระบบเบรกที่ส่งผลโดยตรงต่อสมรรถนะและอัตราการใช้พลังงาน ฝากระโปรงหลังยังมาพร้อมกับโครงสร้างบังคับทิศทางลมที่ดูสะดุดตา รวมถึงดิฟฟิวเซอร์สไตล์ใหม่ที่ช่วยพัฒนาการไหลเวียนของอากาศด้านหลังตัวรถพร้อมท่อไอเสียดีไซน์ใหม่ แบบ Two round twin tailpipe look
นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับประตูแบบไร้ขอบ กรอบกระจกมองข้างสีดำแบบลอยตัว จากตัวถัง ขอบตกแต่งสีดำเงาบริเวณด้านข้างตัวรถและกรอบหน้าต่าง เส้นสายด้านข้างตัวรถที่ ยาวลงไปถึงซุ้มล้อหลัง ตกแต่งรอบคันด้วย AMG Bodystyling (กันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้าง) เทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED และ ULTRA RANGE Highbeam ที่มีคุณสมบัติพิเศษมากมายที่เหนือกว่าระบบไฟหน้า LED มาตรฐาน สามารถปรับความสว่างและความยาวของลำแสงไฟหน้าให้ส่องได้ไกลกว่า 650 เมตร รวมถึงหลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า
ดีไซน์ภายใน มาพร้อมชุดเบาะที่นั่ง AMG Sport Seats ด้วยวัสดุหุ้มหนัง ARTICO ตัดสลับ DINAMICA กับคุณสมบัติการอุ่นเบาะที่ปรับได้ 3 ระดับ เสริมทั้งพนักพิงหลังและปีกทั้ง 2 ข้างเพื่อปกป้องด้านข้างของผู้ขับขี่ขณะขับรถด้วยความเร็วสูงได้ดียิ่งขึ้น พนักพิงศีรษะที่ออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อช่วยปลุกเร้าความสปอร์ตภายในห้องโดยสาร เพิ่มเติมความสะดวกสบายด้วยแผงหน้าปัดแบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว ที่มีโหมดการแสดงผล 3 แบบในสไตล์เอเอ็มจี คือ Classic, Sporty และ Progressive พร้อมระบบปฏิบัติการที่ใช้งานง่ายและมีความยืดหยุ่นสูงในการควบคุม เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกคำสั่งต่างๆ ได้สะดวกรวดเร็วและสอดคล้องกับสภาพการขับขี่ด้วยความเร็วสูง รวมถึงผู้ขับขี่ยังจะได้พบกับความสปอร์ต เร้าใจมากกว่าที่เคยด้วยพวงมาลัย 3 ก้านท้ายตัดแบบ AMG Performance Steering Wheel หุ้มด้วยหนัง nappa ที่มีรูปทรงสปอร์ตท้ายตัดที่ออกแบบเป็นวงโค้งอย่างสมบูรณ์แบบ สามารถใช้คำสั่งหรือก้านควบคุมต่างๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้นคันเกียร์ที่ คอพวงมาลัยชุบวัสดุโลหะและรองรับโหมดเกียร์ธรรมดา และ Touchpad 2 ข้าง ที่คอพวงมาลัยซึ่งเป็นอุปกรณ์ใหม่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาในรุ่นนี้ โดยด้านซ้ายใช้ควบคุมแผงหน้าปัดและ Cruise Control ด้านขวาใช้ควบคุมระบบมัลติมีเดีย ระบบโทรศัพท์ ระบบสั่งการด้วยเสียง เป็นต้น นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังมีระบบป้อนเข็มขัดนิรภัยอัตโนมัติ สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า หน้าจอมัลติมีเดีย Apple CarPlay(TM) ขนาด 10.25 นิ้ว ทำงานร่วมกับ Audio 20 GPS พร้อม Touchpad และ Controller ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester(R) ตกแต่งภายในด้วย AMG Matt Silver Glass-Fibre
นวัตกรรมและเทคโนโลยี Mercedes-AMG C 43 4MATIC มาพร้อมกับชุดคำสั่งเอเอ็มจี เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้การขับขี่มีความสปอร์ตจนถึงขีดสุด ได้แก่
- หน้าจออุณหภูมิของเหลว (Warm-up) ที่แสดงอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และแรงดันในโหมด Boost
- หน้าจอการตั้งค่า (Setup) แสดงข้อมูลของโหมดการขับขี่ที่ใช้งานอยู่ การตั้งค่าระบบ กันสะเทือน โหมดการปล่อยไอเสีย การตั้งค่าระบบ ESP(R) และเกียร์ที่ใช้อยู่
- หน้าจอแรงจี (G-Force) แสดงแรงจีปัจจุบันที่กดลงมาที่ตัวรถ เมื่อผู้ขับขี่ใช้ความเร็วใดๆ และให้คำแนะนำในการขับขี่ให้เหมาะสม
- หน้าจอจับเวลา (Race Timer) สำหรับการจับเวลาโดยตัวผู้ขับขี่เอง ซึ่งสามารถจับเวลาต่อรอบพร้อมทั้งแสดงรอบที่ใช้เวลาน้อยและมากที่สุดได้พร้อมกัน รวมถึงระยะที่ขับขี่และความเร็วเฉลี่ย
- หน้าจอข้อมูลเครื่องยนต์ (Engine data) แสดงแรงบิดและกำลังเครื่องยนต์แบบ กราฟแท่ง รวมถึงแรงดันในโหมด Boost
นอกจากนี้ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ยังติดตั้งหน้าจอดิจิทัลสำหรับแสดงความเร็วและเกียร์ปัจจุบัน เมื่อเปิดการใช้งานโหมดเกียร์ธรรมดา โดยสัญลักษณ์ตัว M สีเหลืองจะปรากฏขึ้นมาที่หน้าจอ
รถยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบ AMG DYNAMIC SELECT ที่มีให้เลือก 5 โหมด คือ Comfort, Sport, Sport+, Individual และโหมดการขับขี่ใหม่ คือ Slippery เพื่อช่วยกระจายกำลังให้เป็นไปอย่างสม่ำเสมอและเหมาะสมกับสภาพถนนที่เปียกเพราะฝนหรือหิมะ
- Mercedes-AMG G 63 ราคา 14,790,000 บาท
Mercedes-AMG C 43 4MATIC รุ่นประกอบในประเทศ
รถยนต์กลุ่ม C-Class เป็นรถยนต์กลุ่มที่มียอดจำหน่ายสูงสุดของเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี และมีส่วนช่วยเสริมสร้างให้แบรนด์รถยนต์สมรรถนะสูงนี้ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน ซึ่งการพัฒนารถยนต์ตระกูล 43 ในปีพ.ศ. 2558 นั้นถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างและสานต่อความสำเร็จของเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีมาจนถึงปัจจุบัน ความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างต่อเนื่องและเสียงตอบรับอันเยี่ยมยอดจากผู้เป็นเจ้าของเป็นแรงผลักดันให้เราพัฒนารถยนต์ C 43 รุ่นปรับโฉมในทุกด้าน ทั้งรูปลักษณ์ สมรรถนะ อัตราการใช้พลังงาน และความรู้สึกขณะ ขับขี่ตามสไตล์เอเอ็มจี
ดีไซน์ภายนอก ของรถยนต์รุ่นนี้ ดูโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าเอเอ็มจีก้านคู่ตกแต่งด้วยสีเงิน แบบด้าน ฝากระโปรงหน้าที่ปรับแต่งด้วยเส้นสายใหม่ให้สวยงามกว่าเดิม โครงสร้างบังคับทิศทางลมที่ยกตัวขึ้นจากฝากระโปรงหน้าที่ได้รับการออกแบบให้ช่วยควบคุมการไหลเวียนของลมที่ปะทะด้านหน้าของตัวรถให้ดียิ่งขึ้น สเกิร์ตข้างที่ดีไซน์ให้เข้ากับล้ออัลลอยน้ำหนักเบา แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 19 นิ้ว จากเอเอ็มจี โดยช่องลมและองศาก้านล้อได้รับการปรับปรุงอย่างละเอียดในอุโมงค์ลมเพื่อให้การไหลเวียนของอากาศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการพัฒนาล้ออัลลอยนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาด้านอากาศพลศาสตร์ น้ำหนักรถและความร้อนที่ระบบเบรกที่ส่งผลโดยตรงต่อสมรรถนะและอัตราการใช้พลังงาน ฝากระโปรงหลังยังมาพร้อมกับโครงสร้างบังคับทิศทางลมที่ดูสะดุดตา รวมถึงดิฟฟิวเซอร์สไตล์ใหม่ที่ช่วยพัฒนาการไหลเวียนของอากาศด้านหลังตัวรถพร้อมท่อไอเสียดีไซน์ใหม่ แบบ Two round twin tailpipe look
นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับประตูแบบไร้ขอบ กรอบกระจกมองข้างสีดำแบบลอยตัว จากตัวถัง ขอบตกแต่งสีดำเงาบริเวณด้านข้างตัวรถและกรอบหน้าต่าง เส้นสายด้านข้างตัวรถที่ ยาวลงไปถึงซุ้มล้อหลัง ตกแต่งรอบคันด้วย AMG Bodystyling (กันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้าง) เทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED และ ULTRA RANGE Highbeam ที่มีคุณสมบัติพิเศษมากมายที่เหนือกว่าระบบไฟหน้า LED มาตรฐาน สามารถปรับความสว่างและความยาวของลำแสงไฟหน้าให้ส่องได้ไกลกว่า 650 เมตร รวมถึงหลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า
ดีไซน์ภายใน มาพร้อมชุดเบาะที่นั่ง AMG Sport Seats ด้วยวัสดุหุ้มหนัง ARTICO ตัดสลับ DINAMICA กับคุณสมบัติการอุ่นเบาะที่ปรับได้ 3 ระดับ เสริมทั้งพนักพิงหลังและปีกทั้ง 2 ข้างเพื่อปกป้องด้านข้างของผู้ขับขี่ขณะขับรถด้วยความเร็วสูงได้ดียิ่งขึ้น พนักพิงศีรษะที่ออกแบบเป็นพิเศษ เพื่อช่วยปลุกเร้าความสปอร์ตภายในห้องโดยสาร เพิ่มเติมความสะดวกสบายด้วยแผงหน้าปัดแบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว ที่มีโหมดการแสดงผล 3 แบบในสไตล์เอเอ็มจี คือ Classic, Sporty และ Progressive พร้อมระบบปฏิบัติการที่ใช้งานง่ายและมีความยืดหยุ่นสูงในการควบคุม เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกคำสั่งต่างๆ ได้สะดวกรวดเร็วและสอดคล้องกับสภาพการขับขี่ด้วยความเร็วสูง รวมถึงผู้ขับขี่ยังจะได้พบกับความสปอร์ต เร้าใจมากกว่าที่เคยด้วยพวงมาลัย 3 ก้านท้ายตัดแบบ AMG Performance Steering Wheel หุ้มด้วยหนัง nappa ที่มีรูปทรงสปอร์ตท้ายตัดที่ออกแบบเป็นวงโค้งอย่างสมบูรณ์แบบ สามารถใช้คำสั่งหรือก้านควบคุมต่างๆ ได้ง่ายยิ่งขึ้นคันเกียร์ที่ คอพวงมาลัยชุบวัสดุโลหะและรองรับโหมดเกียร์ธรรมดา และ Touchpad 2 ข้าง ที่คอพวงมาลัยซึ่งเป็นอุปกรณ์ใหม่ที่เพิ่มเติมขึ้นมาในรุ่นนี้ โดยด้านซ้ายใช้ควบคุมแผงหน้าปัดและ Cruise Control ด้านขวาใช้ควบคุมระบบมัลติมีเดีย ระบบโทรศัพท์ ระบบสั่งการด้วยเสียง เป็นต้น นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นนี้ยังมีระบบป้อนเข็มขัดนิรภัยอัตโนมัติ สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า หน้าจอมัลติมีเดีย Apple CarPlay(TM) ขนาด 10.25 นิ้ว ทำงานร่วมกับ Audio 20 GPS พร้อม Touchpad และ Controller ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester(R) ตกแต่งภายในด้วย AMG Matt Silver Glass-Fibre
นวัตกรรมและเทคโนโลยี Mercedes-AMG C 43 4MATIC มาพร้อมกับชุดคำสั่งเอเอ็มจี เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้การขับขี่มีความสปอร์ตจนถึงขีดสุด ได้แก่
- หน้าจออุณหภูมิของเหลว (Warm-up) ที่แสดงอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และแรงดันในโหมด Boost
- หน้าจอการตั้งค่า (Setup) แสดงข้อมูลของโหมดการขับขี่ที่ใช้งานอยู่ การตั้งค่าระบบ กันสะเทือน โหมดการปล่อยไอเสีย การตั้งค่าระบบ ESP(R) และเกียร์ที่ใช้อยู่
- หน้าจอแรงจี (G-Force) แสดงแรงจีปัจจุบันที่กดลงมาที่ตัวรถ เมื่อผู้ขับขี่ใช้ความเร็วใดๆ และให้คำแนะนำในการขับขี่ให้เหมาะสม
- หน้าจอจับเวลา (Race Timer) สำหรับการจับเวลาโดยตัวผู้ขับขี่เอง ซึ่งสามารถจับเวลาต่อรอบพร้อมทั้งแสดงรอบที่ใช้เวลาน้อยและมากที่สุดได้พร้อมกัน รวมถึงระยะที่ขับขี่และความเร็วเฉลี่ย
- หน้าจอข้อมูลเครื่องยนต์ (Engine data) แสดงแรงบิดและกำลังเครื่องยนต์แบบ กราฟแท่ง รวมถึงแรงดันในโหมด Boost
นอกจากนี้ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ยังติดตั้งหน้าจอดิจิทัลสำหรับแสดงความเร็วและเกียร์ปัจจุบัน เมื่อเปิดการใช้งานโหมดเกียร์ธรรมดา โดยสัญลักษณ์ตัว M สีเหลืองจะปรากฏขึ้นมาที่หน้าจอ
รถยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบ AMG DYNAMIC SELECT ที่มีให้เลือก 5 โหมด คือ Comfort, Sport, Sport+, Individual และโหมดการขับขี่ใหม่ คือ Slippery เพื่อช่วยกระจายกำลังให้เป็นไปอย่างสม่ำเสมอและเหมาะสมกับสภาพถนนที่เปียกเพราะฝนหรือหิมะ