กรุงเทพฯ--2 พ.ค.--เจซีเค ฮอสพิทอลลิตี้
ผู้ถือหุ้น JCKH ลงมติอนุมัติให้บริษัทฯ เสนอขายหุ้นกู้มูลค่ารวม 500 ล้านบาท พร้อมทั้งเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไปจำนวน 187.58 ล้านหุ้น โดยจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิม 125.05 ล้านหุ้น และที่เหลือ 62.53 ล้านหุ้นจัดสรรให้กับผู้ลงทุนแบบ PP ฟาก"อภิชัย เตชะอุบล" ประธานกรรมการเผยแผนปีนี้ ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 8-10% เดินหน้าขยายสาขาทั้ง ฮอท พอท ไดโดมอน เจิ้งโต่ว และเจิ้งโต่ว เอ็กซ์เพลส ดันรายได้เพิ่ม และเร่งลดต้นทุน เน้นสร้างกำไร
นาย อภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร ของ บริษัท เจซีเค ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JCKH เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ได้อนุมัติให้บริษัทฯ เสนอขายหุ้นกู้วงเงิน 500 ล้านบาท รวมทั้งได้อนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 156.32 ล้านบาท เป็น 203.21 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 187.58 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาทเพื่อเสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม และบุคคลในวงจำกัด ตามแบบมอบอำนาจทั่วไป โดยรายละเอียดของการจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในจำนวน 125.05 ล้านหุ้นคิดเป็น 20% ของทุนชำระแล้ว และจัดสรรให้กับบุคคลในวงจำกัด 62.53 ล้านหุ้นคิดเป็น 10% ของทุนชำระแล้ว เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ปรับปรุงสาขาเดิม และการขยายการลงทุนสาขาใหม่ในอนาคต
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2562 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโตประมาณ 8-10% โดยบริษัทฯ มีแผนระดมทุนเพื่อนำมาใช้ปรับปรุงร้านอาหารที่มีอยู่ในปัจจุบัน และขยายสาขาใหม่ ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยสร้างรายได้ของบริษัทฯให้เพิ่มสูงขึ้น ในขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้พยายามปรับลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยสร้างความสามารถในการทำกำไรให้ดียิ่งขึ้น
"เราเริ่มเดินมาถูกทางแล้ว เพราะแนวโน้มธุรกิจมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากปิดสาขาที่ขาดทุน และการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสาขาใหม่ที่มีอยู่เดิม รวมถึงการขยายสาขาเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทฯ มีความสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งตอนนี้ฮอทพอท มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการต่อเดือนประมาณ 5-7 แสนคน เป็นผลมาจากการทำกลยุทธ์เชิงรุกทางการตลาดผ่านช่องทางการใช้สื่อออนไลน์มากขึ้นกว่าเดิม ทำให้เข้าถึงลูกค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย และได้รับความสนใจมากขึ้น" นายอภิชัยกล่าว
นอกจากนี้แบรนด์ฮอท พอท บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะขยายสาขาในประเทศเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2 สาขา และ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะรุกขยายไปยังภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีสาขาที่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 1 แห่ง และกำลังพิจารณาจะเข้าไปขยายการลงทุนในประเทศอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น เมียนมา และเวียดนาม เนื่องจากมองว่า ร้านอาหารไทยในกลุ่มประเทศดังกล่าว มีกำลังซื้อสูงขึ้นจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งไลฟ์สไตล์ในการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปหันมาทานอาหารนอกบ้านเพิ่มมากขึ้น ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าการขยายสาขาไปประเทศดังกล่าวน่าจะได้รับการตอบรับที่ดีและเป็นที่นิยมได้อย่างแน่นอน ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาหาแนวทางลงทุน หรือพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมลงทุนในการขยายสาขาในประเทศดังกล่าว
สำหรับแผนการขยายสาขาแบรนด์อื่นๆ เช่น ไดโดมอน ปีนี้มีจะขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 8 สาขา ซึ่งภายหลังจากปรับปรุงให้มีความทันสมัยตรงใจกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น ทำให้มีแนวโน้มที่ดีกว่าปีก่อน ขณะที่แบรนด์ร้านติ่มซ่ำ เจิ้งโต่ว ปัจจุบันมี 3 สาขา ในปีนี้มีแผนจะขยายสาขาเพิ่มอีก 3 สาขา ส่วนซินยอร์ ซาสซี มี 1 สาขา ซึ่งอยู่ระหว่างการตกแต่งเพิ่มเติม นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนจะขยายสาขาภายใต้แบรนด์ใหม่ ในชื่อ เจิ้งโต่ว เอ็กซ์เพลส ซึ่งเป็นร้านขายอาหารขนาดเล็ก (Kiosk) ประเภทติ๋มซ่ำและซาลาเปา เพื่อตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์สังคมเมืองที่เร่งรีบทั้งในด้านการทำงานและรับประทานอาหาร โดยวางกลยุทธ์กระจายสาขาในจุดศูนย์กลางธุรกิจและแหล่งชุมชนเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น บริษัทฯ คาดว่าจะเป็นธุรกิจใหม่ที่จะเข้ามาเสริมรายได้และทำกำไรให้แก่บริษัทฯ เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต