กรุงเทพฯ--2 พ.ค.--สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวว่า จากกรณีที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการภาษีพยุงเศรษฐกิจช่วงกลางปี 2562 ตามที่กระทรวงการคลังนำเสนอและได้เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการอ่านและสนับสนุนให้ประชาชนซื้อหนังสือ และได้รับความรู้จากการอ่านมากขึ้นและช่วยยกระดับคุณภาพทุนมนุษย์ของประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. 2561-2580) โดยได้กำหนดแนวทางให้ผู้มีเงินได้ ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่ นิติบุคคล สามารถนำค่าหนังสือ สื่อ และค่าบริการหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (e-Book) ทุกประเภทที่จ่ายให้แก่บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นตามที่จ่ายจริง ไปเป็นค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในการคำนวณภาษีเงินได้ตามที่จ่ายจริง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 โดยลดหย่อนได้ไม่เกินวงเงิน 15,000 บาท
นายวีระ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมารัฐบาลโดยกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) ได้ขับเคลื่อนการส่งเสริมการอ่านโดยจัดทำแผนแม่บทส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่านสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ของไทย พ.ศ. 2560 – 2564 และขับเคลื่อนโดยคณะกรรมการบูรณาการส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่านเพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ซึ่งมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน นอกจากนี้ วธ.ได้จัดทำ "โครงการหรีดหนังสือ หรีดอาลัย…ให้ปัญญา" เพื่อเสริมสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ อีกทั้งเป็นการสร้างกุศลให้แก่ผู้วายชนม์และสร้างปัญญาจากการอ่าน รวมถึงเปิดโอกาสทางการศึกษาแสวงหาความรู้และเรียนรู้ให้แก่เด็กและเยาวชนได้อ่านหนังสือที่เหมาะสมกับช่วงวัยในพื้นที่ที่ขาดแคลน และช่วยพัฒนาเด็กไทยให้มีคุณภาพ ซึ่งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความชื่นชมโครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมให้คนไทยรักการอ่านเพิ่มขึ้น
และ เมื่อปลายปี 2561 ที่ผ่านมา ที่ประชุม ครม.เคยมีมติเห็นชอบอนุมัติมาตรการภาษี "อ่านสร้างชาติ ซื้อหนังสือ ลดหย่อนภาษีได้" สร้างแรงจูงใจให้คนไทยซื้อหนังสือเป็นของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่และกระตุ้นธุรกิจหนังสือให้ฟื้นตัว โดยกำหนดให้สามารถนำใบเสร็จซื้อหนังสือ สื่อสิ่งพิมพ์และหนังสืออีบุ๊คมาหักลดหย่อนสำหรับการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท ซึ่งมาตรการดังกล่าวครอบคลุมระยะเวลา วันที่ 14 ธันวาคม 2561-วันที่ 16 มกราคม 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งจากการประเมินที่ผ่านมา โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) และสมาคม ผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย สรุปข้อมูลพบว่าการประกาศใช้มาตรการภาษีดังกล่าวของรัฐบาลที่ผ่านมาทำให้รายได้จากการจำหน่ายหนังสือและสิ่งพิมพ์ของร้านหนังสือเชนสโตร์ ร้านหนังสืออิสระและสำนักพิมพ์เพิ่มขึ้นจาก 3 ปีที่ผ่านมา (2558-2560) ถึงร้อยละ 33.3 จากยอดจำหน่ายปกติของเดือนธันวาคมที่อยู่ประมาณ 670 ล้านบาท โดยเพิ่มเป็น 873.19 ล้านบาท และสามารถจำหน่ายหนังสือกว่า 8,731,900 เล่ม นับว่ายอดจำหน่ายสื่อสิ่งพิมพ์เฉลี่ยเพิ่มขึ้นสูงมากในเวลาเพียง 1 เดือน
ขณะเดียวกันจากผลสำรวจของสำนักงานอุทยานการเรียนรู้(ทีเคปาร์ค ) ร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในเรื่อง "การอ่านของของประชากร ประจำปี พ.ศ.2561" พบว่า คนไทยอ่านหนังสือนานที่สุด 80 นาทีต่อวัน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กอายุระหว่าง 6-14 ปี มีแนวโน้มการอ่านเพิ่มขึ้น โดยสถิติดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากปี 2558 คนไทยอ่านหนังสือนานที่สุด66 นาทีต่อวัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวด้วยว่า การประกาศใช้มาตรการภาษีซึ่งถือว่าเป็นครั้งที่สองนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะเป็นการสนับสนุนธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ เนื่องจากที่ผ่านมาธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ ทั้งนิตยสารและสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆต้องปิดตัวลงจำนวนมากเพราะประสบภาวะวิกฤต เนื่องจากคนไทยนิยมอ่านหนังสือผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น ดังนั้น มาตรการภาษีจะเป็นการกระตุ้นและส่งเสริมให้คนไทยมาซื้อและอ่านหนังสือมากขึ้น ทำให้คนไทยรักการอ่านและช่วยสร้างปัญญา ซึ่งเป็นการพัฒนาประเทศที่มีต้นทุนที่ถูกที่สุดและมีความยั่งยืน เนื่องจากหนังสือถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่นำไปสู่การเรียนรู้ที่ง่ายและถูกที่สุด ทั้งนี้ หลังจากนี้วธ.จะบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐและเอกชน อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ ทั้งหนังสือ นิตยสารและสื่อสิ่งพิมพ์อื่นๆเพื่อขับเคลื่อนสังคมไทยสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ตามแผนแม่บทส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่านสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ของไทย พ.ศ.2560-2564 ให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น อีกทั้งร่วมกันกำหนดมาตรการและแนวทางเพื่อรณรงค์ให้คนไทยซื้อหนังสือและอ่านมากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุนมาตรการภาษีของรัฐบาลที่ประกาศใช้