กรุงเทพฯ--3 พ.ค.--กองประชาสัมพันธ์ มทร.ธัญบุรี
รศ.ดร.ประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี เปิดเผยว่า ในการประชุมสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เมื่อเร็วฯนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบให้ มทร.ธัญบุรี เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐตามที่ทางมหาวิทยาลัยได้นำเสนอแผน ซึ่งหลังจากนี้จะมีการยื่นเรื่องเพื่อเสนอความต้องการการออกนอกระบบไปยังสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) พร้อมทั้งยกร่างระเบียบต่างๆ โดยคาดว่าในช่วงที่รอการอนุมัติน่าจะใช้เวลาประมาณ1 ปีครึ่ง-2 ปี ดังนั้น มหาวิทยาลัยจะต้องดำเนินการเรื่องของแนวทางปฏิบัติสู่เป้าหมาย การจัดทำกฎหมายลูก 12-15 ฉบับ
อธิการบดี มทร.ธัญบุรี กล่าวอีกว่า การออกนอกระบบของ มทร.ธัญบุรี ในครั้งนี้ สภามหาวิทยาลัยได้ให้แนวทางว่าจะต้องคำนึกถึงการมีคุณค่าต่อประเทศ ในด้านการผลิตบัณฑิต งานวิจัย นวัตกรรม และการช่วยเหลือชุมชนท้องถิ่น
รวมถึงสามารถยกระดับมหาวิทยาลัยสู่การแข่งขันระดับสากลได้ โดย 5 ปีแรกจะต้องอยู่ 1 ใน 5 มหาวิทยาลัยด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีของประเทศ 10 ปี จะต้องติดกลุ่มมหาวิทยาลัยของอาเซียน และ 20 ปี จะต้องอยู่ในระดับ world class งานวิจัยจะต้องถูกเชื่อมโยงกับต่างประเทศมากขึ้น มทร.ธัญบุรี ต้องแสดงศักยภาพในเป้าหมายที่ตั้งไว้ต่างๆ เหล่านี้ให้ได้ การออกนอกระบบต้องไม่เป็นเพียงแค่ตัวชื่อ หรือบริบท แต่จะต้องมีคุณค่า คุณภาพต่อประเทศ ภาคอุตสาหกรรม สังคม และบัณฑิต รวมถึงอัตลักษณ์การเป็นบัณฑิตนักปฏิบัติจะต้องถูกยกไปสู่การผลิตนวัตกรรมชั้นสูงได้
"สิ่งหนึ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ คือการสร้างความเข้าใจกับประชาคมในมหาวิทยาลัย ครู อาจารย์ เจ้าหน้าที่ ว่าการออกนอกระบบมีการวางแผนบริหารจัดการอย่าไร นักศึกษาได้อะไร ดำเนินการเรื่องระเบียบข้อบังคับ หลังจากนี้ต้องเร่งทำเรื่องเหล่านี้ เชื่อว่าจะไม่ยาก เพราะมีต้นแบบหลายมหาวิทยาลัยและมีการนำรูปแบบมหาวิทยาลัยต่างๆ มาวิเคราะห์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างไรก็ตามสิ่งที่สภามหาวิทยาลัย และมทร.ยืนยันมาตลอดก็คือแม้จะก้าวไปเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับรัฐ แต่จะต้องไม่ส่งผลกระทบกับนักศึกษา โดยเฉพาะในเรื่องของค่าหน่วยกิตการเรียนเด็ดขาด" รศ.ดร.ประเสริฐ กล่าว