กรุงเทพฯ--7 พ.ค.--กองสื่อสารองค์กร กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
ก.แรงงาน เปิดเวทีเฟ้นหาสุดยอดมือปรุงมัสมั่น อาหารยอดนิยมติดอันดับ 1 จากทั่วโลก ส่งเสริม 10 เมนูเด็ด ขับเคลื่อนครัวไทยสู่ครัวโลก
นายสุทธิ สุโกศล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากรัฐบาล มุ่งหวังให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านอาหารของภูมิภาคอาเซียนและของโลก จึงให้กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ดำเนินการขับเคลื่อนตามนโยบายดังกล่าว อาทิ เตรียมความพร้อมพ่อครัวแม่ครัวไทย ขยายตลาด สร้างมาตรฐานอาหารไทย และส่งเสริมภาพลักษณ์อาหารไทย โดยการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ทั้งในและต่างประเทศ และทางกพร. ยังได้มอบมอบหมายให้ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 13 กรุงเทพมหานคร ประสานความร่วมมือกับวิทยาลัยดุสิตธานี จัดโครงการแข่งขันปรุงแกงมัสมั่น ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นอาหารยอดนิยมในระดับนานาชาติ เพื่อชิงเงินรางวัลและประกาศนียบัตร
นายสุทธิ ยังกล่าวต่อไปว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวผ่านรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เมื่อวันศุกร์ที่ 9 มีนาคม 2561 ว่า สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ได้จัดอันดับ 50 สุดยอดอาหารเด็ดจากทั่วโลก ปรากฏว่า แกงมัสมั่นของไทย ซึ่งมีลักษณะเด่น ที่เกิดการเคี่ยวเนื้อวัวหรือเนื้อไก่ กับน้ำพริกแกงและกะทิ เพิ่มกลิ่นหอมจากเม็ดและใบกระวาน เคี่ยวจนเหลือน้ำขลุกขลิก รสชาติเผ็ด หวาน หอมมันกะทิมะพร้าว จนได้รับการโหวตเป็นอันดับ1จาก 50 ชนิด อาหารทั่วโลก ที่ได้รับความนิยม จึงเป็นที่มาของการคัดเลือกเมนูนี้มาใช้ในการแข่งขัน ซึ่งมีผู้เข้าร่วมแข่งขันจำนวน 40 คน นอกจากนี้ กพร. ยังเตรียมเปิดตัวโครงการ ครัวไทยสู่ครัวโลก ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2562 ณ เวสต์เกตฮอลล์ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าเวสต์เกต จังหวัดนนทบุรี
อธิบดีกพร. กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดต้องเป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานอาหารไทยระดับ 1 มาแล้ว หรือต้องผ่านการอบรมด้านการประกอบอาหารไทย หรือต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการทำอาหารไทยมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี โดยผู้ชนะการแข่งขันในครั้งนี้ จะรับเงินรางวัลและใบประกาศเกียรติบัตรในวันเปิดโครงการด้วย รางวัลที่ 1 จะได้รับเงินรางวัลจำนวน 10,000 บาท รางวัลที่ 2 จะได้รับเงินรางวัลจำนวน 7,000 บาท รางวัลที่ 3 จะได้รับเงินรางวัลจำนวน 5,000 บาท และรางวัลชมเชยจะได้รับเงินรางวัล 2,000 บาท
"การจัดการแข่งขันครั้งนี้ จึงเป็นอีกกิจกรรมที่กระตุ้นให้คนไทยหันมาให้ความสำคัญในการรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของรสชาติอาหารไทย อีกทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปได้รับรู้ด้วยว่า อาหารไทยได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศ ซึ่งผู้ที่มีความรู้และทักษะด้านอาหารไทยสามารถไปประกอบอาชีพในต่างประเทศได้ และมีรายได้ที่สูงอีกด้วย" อธิบดีกพร. กล่าวทิ้งท้าย