กรุงเทพฯ--10 พ.ค.--ไทยวา
TWPC รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส1/62 กำไรพุ่ง 91% จากงวดเดียวกันปีก่อน แตะ 105 ล้านบาท รายได้ 1,869 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากงวดเดียวกันปีก่อน เนื่องจากกำลังการผลิตแป้งมันสำปะหลังเพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบราคาหัวมันสำปะหลังลดลง รวมทั้งเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากการซื้อโรงงานแห่งใหม่ที่ "แม่สอด" ฟาก "โฮ เรน ฮวา "ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มั่นใจปีนี้รายได้เติบโต 6-8%จากปีก่อน ลุยขยายกำลังผลิตกลุ่มแป้งมันสำปะหลัง HVA และโรงไฟฟ้า
นายโฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) หรือ TWPC เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส1/62 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 105 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 55 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 1,869 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 1,823 บาท
สาเหตุที่กำไรปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ เริ่มเดินเครื่องผลิตเต็มที่ ซึ่งถือว่าปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ นอกจากนี้หลังจากซื้อโรงงานแห่งใหม่ที่แม่สอดจะส่งผลให้บริษัทฯ มีวัตถุดิบเข้าสู่การผลิตมากขึ้น ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตได้ประมาณ 15% จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตแป้งมันสำปะหลังอยู่ที่ 399,000 ตันต่อปี เป็น 465,000 ตันต่อปี รวมทั้งต้นทุนวัตถุดิบหัวมันสำปะหลัง มีราคาปรับตัวลดลง โดยปัจจุบันอยู่ที่ราคา 2.25-2.45 บาทต่อกิโลกรัม
ขณะเดียวกันเริ่มรับรู้รายได้ของ บริษัท แม่สอด สตาร์ช จำกัด และบริษัท แม่สอด ไบโอแก๊ส จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง และผลิตแก๊สชีวภาพ โดยการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายการขยาย การลงทุนของกลุ่มบริษัทฯ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิต และเป็นการกระจายแหล่งการจัดหาแหล่งวัตถุดิบ พร้อมทั้งสนับสนุนรายได้และกำไรของบริษัทฯ ให้สามารถเติบโตอย่างมั่นคง ซึ่งสถานการณ์โดยรวมเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับ แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2562 บริษัทฯ ยังคงเป้ารายได้การเติบโตไว้ที่ระดับ 6-8% จากงวดเดียวกันปีก่อน เนื่องจากยอดขายทุกผลิตภัณฑ์มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากเริ่มรับรู้รายได้ของโรงงานแห่งใหม่ที่แม่สอด การขยายกำลังการผลิตสินค้าในกลุ่มแป้งสำมันปะหลัง HVA โดยยังเน้นขยายตลาดในประเทศจีน และไต้หวัน เพราะยังมีความต้องการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนรวมไว้ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท รวมเงินลงทุนในโรงงานใหม่ที่แม่สอด ภายในระยะเวลา 2 ปี โดยจะใช้ก่อสร้างโรงงานแป้งมันสำปะหลัง ที่กัมพูชา เฟส 2 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 และจะใช้เพิ่มกำลัง การผลิตกลุ่มสินค้า HVA ภายในประเทศ รวมทั้งจะใช้งบลงทุนในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า จำนวน 2 โรง ซึ่งโรงไฟฟ้าดังกล่าวจะเป็นการช่วย ลดต้นทุนในการผลิตในด้านการใช้พลังงานได้ประมาณ 30 ล้านบาทต่อปีต่อโรง