กรุงเทพฯ--10 พ.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศที่ 'A+(tha)' แก่หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามเกณฑ์บาเซล 3 (Basel III-compliance Tier 2 subordinated notes) สกุลเงินบาทของธนาคารทหารไทยจำกัด (มหาชน) หรือ TMB (อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว 'AA-(tha)'/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ)
หุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวจะเสนอขายในมูลค่ารวมไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ธนาคารมีสิทธิที่จะเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิเพิ่มเติม (greenshoe option) ได้อีก 1 หมื่นล้านบาท โดยหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวจะมีอายุ 10 ปี
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามเกณฑ์บาเซล 3 นี้ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตที่ใช้อ้างอิง (anchor rating) ซึ่งคืออันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ TMB ที่ 'AA-(tha)' อยู่ 1 อันดับ เพื่อสะท้อนถึงสถานะด้อยสิทธิของหุ้นกู้และความเสี่ยงของการขาดทุนจากการชำระคืนเงินกู้ (loss severity risk) ที่มากกว่าเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ที่ไม่ด้อยสิทธิ นอกจากนี้หนึ่งในข้อกำหนดสิทธิที่สำคัญของหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวคือเรื่องปัจจัยที่แสดงว่าธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ (non-viability trigger) โดยมีการกำหนดไว้ว่าธนาคารจะมีสถานะเป็นธนาคารที่ไม่สามารถดำเนินกิจการได้เมื่อธนาคารกลางหรือทางการตัดสินใจเข้าให้การช่วยเหลือทางการเงินและเมื่อนั้นผู้ถือหุ้นกู้จะต้องรองรับผลขาดทุนในลักษณะการตัดเป็นหนี้สูญบางส่วนได้ (partial write-down) โดยไม่ได้เป็นการบังคับให้ตัดหนี้สูญทั้งจำนวน (mandatory full write-down)
หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 นี้ จะมีลำดับในการได้รับชำระหนี้ก่อน (senior) ตราสารทางการเงินที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่มีคุณสมบัติสามารถรองรับผลขาดทุนได้ (loss absorption features) ส่วนในกรณีที่มีเหตุการณ์ให้เกิดการตัดหนี้สูญ หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 นี้จะถูกตัดเป็นหนี้สูญในสัดส่วนที่เท่ากัน (pari passu) กับหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 และมีคุณสมบัติสามารถรองรับผลขาดทุนได้โดยการตัดเป็นหนี้สูญ ชุดอื่นๆ ที่ออกโดยธนาคาร
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ TMB เป็นอันดับเครดิตที่ใช้อ้างอิงในการพิจารณาอันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าว เนื่องจากอันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารสะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารเอง ซึ่งฟิทช์เชื่อว่าสถานะทางการเงินโดยรวมของธนาคารถือว่าเป็นตัวชี้วัดที่ดีที่สุดสำหรับความเสี่ยงที่ผู้ถือตราสารหนี้ของธนาคารจะไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดการณ์ (non-performance risk) ซึ่งก็คือความเสี่ยงที่ธนาคารจะมีสถานะเป็นธนาคารที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ (non-viable) ทั้งนี้ฟิทช์ไม่ได้มีการปรับลดอันดับเครดิตลงเพิ่มเติมจากอันดับเครดิตที่ใช้อ้างอิงเนื่องจากหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวไม่ได้มีคุณสมบัติรองรับผลขาดทุนระหว่างการดำเนินกิจการ (going-concern loss absorption feature)
ฐานะทางการเงินของ TMB ซึ่งคืออันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร (หรือ Viability Rating) สะท้อนถึงการที่ธนาคารมีเครือข่ายธุรกิจในประเทศที่มีขนาดปานกลาง โดย TMB เป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 7 ในประเทศไทย ในด้านเงินฝาก คิดเป็นส่วนแบ่งทางการตลาดที่ประมาณ 5% ทั้งนี้ฐานะทางการเงินของ TMB ได้ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและปรับเข้ามาใกล้เคียงมากขึ้นกับธนาคารขนาดใหญ่โดยเฉพาะในด้านคุณภาพสินทรัพย์ โดยฟิทช์คาดว่า TMB น่าจะรักษาฐานะทางการเงินของธนาคารให้มีเสถียรภาพได้ในระดับหนึ่ง แม้ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของธนาคาร (risk appetite) จะมีทิศทางที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SME) และกลุ่มธุรกิจสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2562 TMB และธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ได้ประกาศการลงนามในบันทึกข้อตกลงแบบไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายในการรวมกิจการของทั้ง 2 ธนาคารเข้าด้วยกัน (merger) อย่างไรก็ตามธุรกรรมดังกล่าวยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นและการเปิดเผยข้อมูลรายละเอียดที่เกี่ยวข้องยังมีไม่มากนัก ฟิทช์คาดว่าจะพิจารณาผลกระทบต่ออันดับเครดิต (rating action) เมื่อกระบวนการรวมกิจการเกิดขึ้นจริงและเมื่อแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างเครดิต (credit profile) ของทั้ง 2 ธนาคารมีความชัดเจนมากขึ้น สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูได้จากประกาศของฟิทช์ หัวข้อ "ฟิทช์: การรวมกิจการ ธ.ทหารไทยกับธ.ธนชาต น่าจะช่วยให้เครือข่ายธุรกิจเข้มแข็งขึ้น แต่โอกาสการปรับเพิ่มอันดับเครดิตยังไม่ชัดเจน" เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2562 (Fitch Rtgs: TMB-Thanachart Merger to Boost Franchise; Rating Upside Unclear)
ปัจจัยที่อาจส่งผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
การเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ TMB น่าจะส่งผลกระทบในทิศทางเดียวกันต่ออันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าว
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ TMB จะได้รับผลกระทบในในทิศทางเดียวกันกับการเปลี่ยนแปลงของอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร โดยอันดับความเข็งแกร่งทางการเงินของ TMB อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับ หากธนาคารมีเครือข่ายธุรกิจในประเทศที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญพร้อมทั้งมีอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ (core financial metrics) ส่วนใหญ่ เช่น อัตราส่วนทางการเงินในด้านรายได้และเงินกองทุน ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและต่อเนื่องในระยะปานกลาง โดยที่ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้น ในทางกลับกันอันดับความเข็งแกร่งทางการเงินอาจได้รับผลกระทบในทางลบถ้าผลการดำเนินงานและอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญมีการปรับตัวลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับทั้งธนาคารในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ตัวอย่างเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นจากการปรับตัวแย่ลงมากกว่าคาดการณ์ในสภาวะแวดล้อมการดำเนินงาน
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมของปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิตและปัจจัยที่อาจส่งผลต่ออันดับเครดิตในอนาคตของ TMB สามารถดูได้จากการประกาศอันดับเครดิตของธนาคาร https://www.fitchratings.com/site/pr/10040378" ลงวันที่ 10 กันยายน 2561