กรุงเทพฯ--13 พ.ค.--เอบีเอ็ม คอนเนค
เนสกาแฟ เดินหน้ายกระดับตลาดกาแฟผงสำเร็จรูป สร้างประสบการณ์สุดพิเศษให้กับคอกาแฟชงเองด้วยการเปิดตัว "เนสกาแฟ เรดคัพ ออริจิน ซีเล็คชั่น" ใหม่ รุ่นลิมิเต็ด ครั้งแรกของความร่วมมือของเนสกาแฟที่ได้สรรหาวัตถุดิบเมล็ดกาแฟโรบัสต้าคุณภาพจากชาวสวนกาแฟอำเภอกระบุรี จังหวัดระนองกว่า 500 ราย จากศูนย์รับซื้อเมล็ดกาแฟกระบุรี ที่ผ่านการติดตามเพื่อพัฒนาคุณภาพของเมล็ดกาแฟตั้งแต่การปลูก จนถึงการดูแลรักษา และเก็บเกี่ยวจากนักวิชาการเกษตรของเนสกาแฟ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของกาแฟไทย เพื่อผลิตกาแฟรุ่นลิมิเต็ดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดดเด่นด้วยกาแฟคุณภาพรสเข้ม หอมกลมกล่อม สุดพิเศษ ตอบโจทย์รสชาติกาแฟที่ชื่นชอบของคอกาแฟไทย พร้อมเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชาวสวนกาแฟ สนองนโยบายจังหวัดระนองในการสนับสนุนการปลูกกาแฟสู่พืชเศรษฐกิจหลักของจังหวัดด้วย
นายธนธร พันพานิชย์กุล ผู้จัดการฝ่ายการตลาดอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ ครีมเทียม และเนสที บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า "ปัจจุบันเราพบว่า คอกาแฟไทยให้ความสำคัญกับการเลือกดื่มกาแฟที่มีคุณภาพ และมีเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะตัวเพื่อเป็นสื่อกลางในการเชื่อมทุกความผูกพันให้กับผู้คนรอบตัว จึงเป็นที่มาของการเปิดตัว 'เนสกาแฟ เรดคัพ ออริจิน ซีเล็คชั่น' ใหม่ รุ่นลิมิเต็ด ในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เนสกาแฟประเทศไทย สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่จากแหล่งเพาะปลูกท้องถิ่นคุณภาพเพียงแหล่งเดียว และระบุชื่อแหล่งที่มาของเมล็ดกาแฟบนแพคเกจจิ้งด้วยความภาคภูมิใจในคุณภาพของกาแฟไทยที่ไม่แพ้ชาติใด นับเป็นการเปิดประสบการณ์อีกขั้นของการดื่มด่ำกาแฟคุณภาพ ที่ผลิตจากวัตถุดิบเฉพาะถิ่นของอำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง ซึ่งถือเป็นแหล่งปลูกและผลิตกาแฟคุณภาพอันดับต้นๆ ของประเทศและเป็นความภาคภูมิใจของกาแฟไทย ที่เกิดจากความร่วมมือในกระบวนการผลิตกาแฟสำเร็จรูปมาตรฐานระดับโลกของเนสกาแฟ และการปลูกและเก็บเกี่ยวกาแฟด้วยใจของชาวสวนกาแฟจังหวัดระนอง"
"เนสกาแฟ เรดคัพ ออริจิน ซีเล็คชั่น" ใหม่ รุ่นลิมิเต็ด สร้างสรรค์ขึ้นจากเมล็ดกาแฟโรบัสต้าคุณภาพ จากชาวสวนกาแฟในจังหวัดระนองกว่า 500 ราย ที่ผ่านการคัดเลือกจากศูนย์รับซื้อเมล็ดกาแฟกระบุรี ซึ่งเป็น 1 ใน 2 ศูนย์รับซื้อเมล็ดกาแฟของเนสกาแฟในจังหวัดระนองเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ภายใต้หลักปฏิบัติตามแนวทาง "ปลูกด้วยใจ กาแฟไทยยั่งยืนกับเนสกาแฟ" (Grown Respectfully) เพื่อให้กาแฟที่นำมาใช้ในผลิตภัณฑ์เนสกาแฟทั้งหมดมาจากแหล่งที่เพาะปลูกด้วยความรับผิดชอบ ควบคู่ไปกับการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชนชาวสวนกาแฟ โดยกาแฟทุกเมล็ดของออริจิน ซีเล็คชั่น ถูกเก็บในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดของฤดูเก็บเกี่ยว คัดเฉพาะผลสุกแดงเต็มที่ด้วยมืออย่างตั้งใจ ก่อนนำไปตากแห้งด้วยแสงแดดตามวิธีธรรมชาติในช่วงที่อากาศแห้งเหมาะกับการตากเมล็ดกาแฟที่สุดของปี แล้วจึงนำเมล็ดกาแฟมาผ่านกระบวนการคั่วอย่างพิถีพิถัน ผสมกาแฟคั่วบดละเอียดด้วยเทคโนโลยี Micronized Roasted Coffee - MRC ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเนสกาแฟ จนได้กาแฟที่มีรสชาติเข้ม หอมกลมกล่อม สุดพิเศษ พร้อมเปิดตัวในบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามทันสมัย โดดเด่นด้วยการดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเสน่ห์ของลวดลายผ้าปาเต๊ะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมทางภาคใต้ของไทย
นายพรเทพ ผ่องศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า "ขอขอบคุณเนสท์เล่ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์กาแฟที่ปลูกโดยเกษตรกรไทยทั่วประเทศ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างงานสร้างรายได้ในชุมชน รวมทั้งรู้สึกภูมิใจแทนเกษตรกรจังหวัดระนอง ที่ได้รับเกียรติใช้ชื่ออำเภอ 'กระบุรี' ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมในการปลูกกาแฟของระนอง ไปปรากฏอยู่บนผลิตภัณฑ์ชั้นนำของบริษัทระดับโลกในครั้งนี้ และมั่นใจว่าเมล็ดกาแฟจากกระบุรี ระนอง จะทำให้ผู้บริโภคทั้งไทยและต่างประเทศได้ดื่มด่ำและติดใจในรสชาติสุดพิเศษจากกาแฟของประเทศไทย"
"เราได้เตรียมกิจกรรมการสื่อสารทางการตลาดที่หลากหลาย ทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์เพื่อสนับสนุนการเปิดตัว 'เนสกาแฟ เรดคัพ ออริจิน ซีเล็คชั่น' ใหม่ รุ่นลิมิเต็ด ที่จะวางจำหน่ายเป็นพิเศษในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนสิงหาคมนี้ อาทิ เว็บฟิล์ม สื่อประชาสัมพันธ์ทางออนไลน์ ยูทูป สื่อประชาสัมพันธ์ ณ จุดขาย อย่างครบวงจร ในการบอกเล่าเรื่องราวดีๆ ของผลิตภัณฑ์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างการเข้าถึงคอกาแฟไทยในวงกว้าง โดยหวังว่าการเปิดตัว 'เนสกาแฟ เรดคัพ ออริจิน ซีเล็คชั่น' ใหม่ รุ่นลิมิเต็ด ในครั้งนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของคอกาแฟไทยที่หลงใหลในการดื่มกาแฟรสเข้ม และเสริมความแกร่งให้กับเนสกาแฟ เรดคัพ ในฐานะแบรนด์กาแฟอันดับหนึ่งที่เชื่อมทุกความผูกพันให้กับคอกาแฟไทยต่อไป" นายธนธร กล่าวสรุป
เพลิดเพลินกับกาแฟ รสเข้ม หอมกลมกล่อม สุดพิเศษ กับ "เนสกาแฟ เรดคัพ ออริจิน ซีเล็คชั่น" ใหม่ รุ่นลิมิเต็ด ได้แล้ววันนี้ในรูปแบบกาแฟปรุงสำเร็จ 2 ขนาด ได้แก่ ซองขนาด 45 กรัม ราคา 39 บาท และ ซองขนาด 150 กรัม ราคา 120 บาท ที่ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต และไฮเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วประเทศ