กรุงเทพฯ--13 พ.ค.--มีเดีย พลัส คอนเนคชั่น
แสนสิริชู Green & Well-being เป็นอาวุธสร้างจุดต่าง ผุด Sansiri Backyard คอมมูนิตี้ใกล้ชิดธรรมชาติบนที่ดินรอการพัฒนาทำเล T77และหัวหิน รับเทรนด์ชีวิตเมืองรักษ์โลกรักสุขภาพเพื่อครองใจลูกค้ารุ่นใหม่ เชื่อมั่นจะสร้างฐานลูกค้าใหม่และดันยอดขายเกือบ 10,000 ล้านบาท จาก 3 โครงการใหม่ทำเล T77 และหัวหินได้ใน 3 ปี
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดตัว Sansiri Backyard (แสนสิริ แบคยาร์ด) คอมมูนิตี้สีเขียวใกล้ชิดธรรมชาติที่อบอุ่นเป็นกันเองเสมือนสวนหลังบ้านภายใต้แนวคิด "Green Grow Give" นำร่องสร้างประโยชน์จากพื้นที่ว่างของแสนสิริกว่า 14 ไร่ ที่โครงการ T77 และหัวหิน ให้กลายเป็นฟาร์มผักปลอดสารที่บ่มเพาะให้คนเมืองมีโอกาสสัมผัสกับวิถีการใช้ชีวิตสุขภาพดีทั้งกายใจและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตอบรับเทรนด์รักสุขภาพใส่ใจสิ่งแวดล้อมบูมที่ทำให้ธุรกิจเพื่อสุขภาพเติบโตกว่า 10.6 เปอร์เซ็นต์ต่อปี เชื่อมั่นเป็นจุดแข็งสร้างความแตกต่างแบรนด์แสนสิริในฐานะผู้นำด้าน Green & Well-being และดึงดูดใจคนเมืองรุ่นใหม่ให้มาเป็นลูกค้าใน 2 โครงการคอนโดมิเนียมใหม่แบรนด์ HAUS (เฮาส์) ที่ T77 และ 1 โครงการคอนโดมิเนียมที่หัวหินมูลค่ารวมเกือบ 10,000 ล้านบาทที่จะเปิดตัวในอีก 1-3 ปีข้างหน้าได้ พร้อมคาดหวังเป็นส่วนหนึ่งในการจุดประกายให้ทุกภาคส่วนช่วยกันผลักดันให้กรุงเทพฯและหัวหินเป็นเมืองแห่งการอยู่อาศัยยั่งยืนแห่งอนาคตได้
นางจริยา จันทร์เจิดศักดิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันคนหันมาสนใจเรื่องการใช้ชีวิตที่ดีต่อทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจ และเป็นมิตรกับโลกมากยิ่งขึ้น โดยผลวิจัยจาก TCDC เมื่อ พ.ศ.2561 ระบุว่า การมีสุขภาพที่ดีกำลังเป็นเครื่องหมายของการระบุสถานะของคนรุ่นใหม่ ทำให้ธุรกิจที่ส่งเสริมให้คนมีสุขภาพดีเติบโตขึ้นทั่วโลกถึง 10.6 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็น 122 ล้านล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ well-being นี้เติบโตอย่างรวดเร็วในทุกปีและยังไม่มีแนวโน้มที่จะหยุดเติบโต เพราะประเด็นสุขภาพเป็นสัญลักษณ์ใหม่สำหรับกลุ่มคนเมืองและชาวมิลเลนเนียล สำหรับประเทศไทย ตลาดกลุ่มสินค้าและธุรกิจบริการสุขภาพมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและยังได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐให้ในการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติให้ได้ภายใน พ.ศ.2569 รวมทั้งคาดว่าจะมีรายได้หมุนเวียนในประเทศไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้จากผู้รับบริการชาวไทยและชาวต่างชาติคิดเป็น 75:25 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังการเปิดการค้าเสรีของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Asean Economics Community-AEC) ขณะที่เรื่องการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมก็อยู่ในกระแสความสนใจในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง
"แสนสิริเล็งเห็นเทรนด์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปและกระแสรักษ์โลกที่กำลังมาแรง จึงได้สานต่อวิสัยทัศน์ For Greater Well-being ที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีของคนเมือง ผ่านการเปิดตัว Sansiri Backyard (แสนสิริ แบคยาร์ด) คอมมูนิตี้สีเขียวในเมืองที่สร้างนิยามใหม่แห่งการใช้ชีวิตแบบยั่งยืน เพื่อโลก เพื่อเรา ภายหลังประสบความสำเร็จจากการสร้างจุดเปลี่ยนสำคัญในด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยผ่านโมเดลธุรกิจเปลี่ยนโลก Sansiri Green Mission ที่นำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาประยุกต์เข้ากับแบรนด์ดีเอ็นเอและ Sansiri Tree Story การเก็บรักษาและดูแลต้นไม้เพื่อส่งมอบคุณค่าให้อยู่ตลอดไปในช่วงที่ผ่านมา"
นางจริยา กล่าวต่อว่า Sansiri Backyard เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสนสิริคิดนอกกรอบพัฒนาพื้นที่เปล่าที่ไม่ได้ใช้งานให้เป็นพื้นที่สีเขียวแห่งสังคมเมือง นำร่องด้วยการปั้นที่ดินรอการพัฒนาพื้นที่รวมกว่า 14 ไร่ ของ T77 ณ สุขุมวิท77 และหัวหิน ให้เป็นฟาร์มผักปลอดสาร เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนในเมืองใหญ่เห็นความสำคัญการใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติและคุณภาพชีวิตที่ดีที่มาจากการทานอาหารสดใหม่ ปลอดสารและไม่ปรุงแต่งอันเป็นแนวคิดเบื้องต้นของ well-being ตลอดจนเรียนรู้การใช้ชีวิตสมดุลระหว่างสังคมเมืองกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนด้วยการใช้เวลาร่วมกันในพื้นที่สีเขียวและการแบ่งปันผลผลิตที่เกิดจากธรรมชาติ โดยแสนสิริคาดหวังว่าความมุ่งมั่นตั้งใจของแสนสิริในครั้งนี้ จะช่วยเพื่อจุดประกายแรงบันดาลใจให้ผู้คนเริ่มต้นสร้างพื้นที่สีเขียวบนพื้นที่ว่างเปล่าใกล้ตัวและปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ทำให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งต่อตนเองและสิ่งแวดล้อมได้ เมื่อทุกคนในเมืองใหญ่และทุกภาคส่วนร่วมใจ กรุงเทพฯ หัวหินและหัวเมืองใหญ่ของประเทศไทยก็สามารถก้าวข้ามไปสู่การเป็นเมืองแห่งการอยู่อาศัยยั่งยืนแห่งอนาคต (A Sustainable City of the Future) ได้อย่างแท้จริง
Sansiri Backyard ก่อเกิดมาจากความต้องการให้เมืองใหญ่ในประเทศไทยเป็นเมืองแห่งการอยู่อาศัยยั่งยืนแห่งอนาคตที่คนและธรรมชาติอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว ตลอดจนคนเมืองมีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ใส่ใจสุขภาพกาย สุขภาพใจตามแนวคิด well-being มากขึ้น โดยแสนสิริเริ่มต้นจากหลัก 3Gs คือ Green, Grow และ Give
Green การสร้างประโยชน์จากพื้นที่ว่างไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ อยู่กลางแจ้งหรือในอาคาร อยู่บนอาคารสูงหรือบ้าน ให้เป็นพื้นที่สีเขียวเพื่อให้คนเมืองใกล้ชิดธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
Grow ปลูกผักและผลไม้ในรูปแบบฟาร์มผักบนพื้นที่ว่าง เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ในการใช้ชีวิตที่เปี่ยมด้วยสุขภาพกาย สุขภาพใจ จากการทานผลผลิตจากธรรมชาติที่สดใหม่ มีคุณภาพ ปลอดสารพิษ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนยังปลูกความเป็นคอมมูนิตี้แบบยั่งยืนในเมืองใหญ่ด้วยการเปิดโอกาสให้พนักงาน ลูกบ้าน ชุมชนใกล้เคียงและผู้ที่สนใจได้ใช้เวลาร่วมกันในการปลูกผักใน Sansiri Backyard อีกด้วย
Give ผลผลิตบางส่วนที่ได้จาก Sansiri Backyard จะแบ่งปันต่อไปยังครอบครัวแสนสิริในโครงการที่มี Sansiri Backyard, โรงเรียนรอบข้างพื้นที่เพื่อสร้างสังคมเมืองแห่งการแบ่งปันและส่งเสริมให้เด็กๆได้ทานพืชผักคุณภาพ, ชุมชนข้างเคียงและคนทั่วไปที่ต้องการเรียนรู้การใช้ชีวิตที่ดีแบบ well-being ตลอดจนพนักงานแสนสิริเพื่อให้เรื่องการกินดีอยู่ดีและใช้ชีวิตอย่างป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามวิสัยทัศน์ For Greater Well-being อยู่ในดีเอ็นเอของทุกคน นอกจากนั้น ผลผลิตบางส่วนที่เราจัดจำหน่ายจะนำรายได้ปันกลับคืนสู่สังคมด้วย ทั้งนี้ แสนสิริวางแผนที่จะนำผลผลิตปลอดสารนี้ไปใช้ที่สิริ เฮาส์ (SIRI HOUSE) และโรงแรมเอสเคป หัวหินและเขาใหญ่ในอนาคต
แสนสิริได้เริ่มต้นแนวคิด Sansiri Backyard นี้จากภายในองค์กรกับ Sansiri Backyard @Sansiri HQ ที่ส่งเสริมให้พนักงานปลูกต้นไม้บนโต๊ะทำงานด้วยการมอบ Table Farm Kits ให้ดีเอ็นเอของทุกคนเป็นสีเขียวแห่งการรักษ์โลก จากนั้นขยายผลต่อไปยัง Sansiri Backyard @ Sansiri Projects ด้วยการเปลี่ยนพื้นที่ เหลือใช้ใน 20 โครงการแนวราบและแนวสูงของแสนสิริให้เป็นประโยชน์แก่ลูกบ้านแสนสิริด้วยการปลูก ผักปลอดสารเพื่อให้เกิดพื้นที่สีเขียวแห่งการเรียนรู้แนวคิดคุณภาพชีวิตที่ดีของการกินดีอยู่ดีทั้งทางกายและใจตามหลัก well-being จากนั้นต่อยอดไปยัง Sansiri Backyard @T77 และ Sansiri Backyard@Hua Hin การรังสรรค์ที่ดินเปล่าที่รอการพัฒนาขนาด 11 ไร่ที่ T77 บนสุขุมวิท77 และ 3 ไร่ที่หัวหิน ให้เป็นคอมมูนิตี้สีเขียวใกล้ชิดธรรมชาติที่อบอุ่นเป็นกันเองเหมือนสวนหลังบ้านที่เปิดกว้างให้ทุกคนในเมืองใหญ่สามารถสัมผัสการใช้ชีวิตแบบยั่งยืนที่เป็นมิตรกับธรรมชาติและเรียนรู้ถึงการใช้ชีวิตเมืองที่พร้อมด้วย well-being เพื่อบ่มเพาะ ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตสีเขียวแห่งการรักษ์โลกให้คนเมืองเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันให้กรุงเทพฯ และหัวหินเป็นเมืองแห่งอยู่อาศัยอย่างยั่งยืนแห่งอนาคตได้ (A Sustainable City of the Future)
"แสนสิริเชื่อว่าการมุ่งมั่นตั้งใจทำธุรกิจที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อมภายใต้วิสัยทัศน์ For Greater Well-being และการพัฒนา Sansiri Backyard บนที่ดินเปล่ารอการพัฒนาบนทำเล T77 และหัวหินในครั้งนี้ จะทำให้คนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมองแบรนด์แสนสิริเป็นที่หนึ่งในใจที่โดดเด่นกว่าคู่แข่ง เมื่อกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมีความชื่นชอบในแบรนด์ การที่คนกลุ่มนี้จะกลายมาเป็นลูกค้าในอนาคตก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้สูง ดังนั้น แสนสิริจึงมั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายรวมกว่า 10,000 ล้านบาทเมื่อเปิดตัว 2 โครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ HAUS (เฮาส์) บนที่ดินเปล่าที่ทำ Sansiri Backyard@T77 และอีก 1 คอนโดใหม่บนที่ดิน Sansiri Backyard@Huahin ในอีก 1-3 ปีข้างหน้าได้อย่างแน่นอน นอกจากนั้น แสนสิริจะนำโมเดลนี้ไปต่อยอดพัฒนาพื้นที่รอการพัฒนาโครงการอื่นๆให้เป็น Sansiri Backyard เพื่อใช้ประโยชน์จากพื้นที่สูงสุดและทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเป้าหมายในแต่ละทำเลในอนาคตอีกด้วย"
นางจริยา กล่าวสรุป แสนสิริอยากให้คนเมืองให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตคุณภาพและเป็นมิตรกับธรรมชาติเพื่อจุดประกายให้ภาคส่วนต่างๆร่วมกันผลักดันให้กรุงเทพฯและหัวหิน เป็นเมืองใหญ่ที่มีเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต (A Sustainable City of the Future) ไม่ใช่แค่เพื่อโลก แต่เพื่อเราทุกคนสามารถมีชีวิตที่เปี่ยมด้วยสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดีด้วย ทั้งนี้ สามารถสัมผัสคอมมูนิตี้สีเขียวใกล้ชิดธรรมชาติที่เปิดกว้างในการเรียนรู้นิยามใหม่แห่งความยั่งยืน เพื่อโลก เพื่อเรา ณ Sansiri Backyard@T77 และ Sansiri Backyard @Hua Hin ได้ในเดือนตุลาคมนี้