กรุงเทพฯ--14 พ.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แนะ 12 พฤติกรรมการขับรถที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของรถ ดังนี้ อุ่นเครื่องก่อนออกรถ ไม่เร่งเครื่องอย่างรุนแรงเมื่อสตาร์ทรถ ชะลอความเร็วเมื่อขับรถผ่านเนินหลังเต่า ไม่คิกดาวน์เพื่อเร่งแซง ใช้เกียร์ต่ำขณะขับรถลงเขา หรือทางลาดชัน เปลี่ยนเกียร์เมื่อรถหยุดสนิท ไม่ใช้เกียร์เป็นที่พักมือ ใช้เบรกมือขณะเบรกบนทางลาดชัน ไม่เหยียบคลัตช์ขณะรถจอดติดสัญญาณไฟจราจร ไม่บรรทุกน้ำหนักมากเกินไป ไม่ปล่อยให้น้ำมันอยู่ในระดับต่ำ และปิดแอร์ทุกครั้งที่ดับเครื่องยนต์ จะช่วยเพิ่มอายุการใช้งานของรถ และเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า พฤติกรรมการขับรถเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานของรถ พฤติกรรมการชับรถที่ถูกวิธียืดทำให้สามารถยืดอายุการใช้งานของรถ และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อความปลอดภัย กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอแนะ 12 พฤติกรรมการขับรถ ที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของรถ ดังนี้ อุ่นเครื่องยนต์ก่อนออกรถ เพื่อเป็นการวอร์มให้เครื่องยนต์ และน้ำมันเครื่องอยู่ในอุณหภูมิ ที่เหมาะสมกับการทำงาน จึงช่วยลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ ไม่เร่งเครื่องอย่างรุนแรงเมื่อสตาร์ทรถ เพราะในช่วงสตาร์ทเครื่อง ระบบจะส่งน้ำมันไปหล่อเลี้ยงชิ้นส่วนต่างๆ ของรถ หากเร่งเครื่องอย่างรุนแรง จะทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็วกว่าปกติ ชะลอความเร็วเมื่อขับรถผ่านเนินหลังเต่า จะช่วยป้องกันระบบช่วงล่างของรถไม่ให้กระแทกกับพื้นถนน เพราะอาจส่งผลให้โช๊คอัพ สปริง ลูกหมาก หรือปีกนกได้รับความเสียหาย ไม่คิกดาวน์เพื่อเร่งแซง โดยเพิ่มความเร็วด้วยการกดคันเร่ง จนมีการทดอัตราเกียร์ให้ต่ำลง แม้จะช่วยให้รถมีกำลังเพิ่มขึ้นในช่วงที่ต้องเร่งแซง หรือใช้ความเร็วสูง แต่ทำให้เกียร์เกิดการกระชาก ส่งผลให้ชุดเกียร์มีอายุการใช้งานสั้นลง ใช้เกียร์ต่ำขณะขับรถลงเขา หรือทางลาดชัน จะช่วยรักษาความเร็วรถ ทำให้มีแรงฉุดกำลังรถ หากใช้เบรกในการรักษาความเร็ว จะส่งผลให้เบรกเกิดความร้อนสูง ผ้าเบรกไหม้ และเกิดอุบัติเหตุได้เปลี่ยนเกียร์เมื่อรถหยุดสนิท เพราะการเปลี่ยนเกียร์ถอยหลัง หรือเดินหน้าในขณะที่รถวิ่ง จะส่งผล ต่อการทำงานของระบบขับเคลื่อน และระบบส่งกำลังของรถทำให้ชุดเกียร์ เครื่องยนต์ และเพลาขับได้รับความเสียหาย จึงส่งผล ต่อประสิทธิภาพในการขับรถ ไม่ใช้เกียร์เป็นที่พักมือ แม้การพักมือค้างไว้บนหัวเกียร์จะทำให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว แต่ส่งผลให้ระบบเกียร์สึกหรอ และเหลือมือเพียงข้างเดียวในการบังคับพวงมาลัย จึงส่งผลต่อประสิทธิภาพในการบังคับและควบคุมทิศทางรถ ใช้เบรกมือขณะจอดรถบนทางลาดชัน เมื่อจอดรถบนทางลาดชันควรใช้เบรกมือก่อนเข้าเกียร์ P ทุกครั้ง เพื่อป้องกันสลักเกียร์ หรือเฟืองขับหลักต้องรับน้ำหนักของรถมากเกินไป ส่งผลให้ระบบเกียร์ได้รับความเสียหาย ไม่เหยียบคลัตช์ขณะรถจอดติดสัญญาณไฟจราจร แม้การเหยียบคลัตช์จะช่วยให้รถออกตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่ทำให้ชุดเกียร์สึกหรอเร็วกว่าปกติ จึงควรปล่อยเท้าออกจากคลัตช์ และเข้าเกียร์ว่างเมื่อรถจอดอยู่กับที่ พร้อมเหยียบคลัตช์อีกครั้งเมื่อรถออกตัว ไม่บรรทุกน้ำหนักมากเกินไป เพราะส่งผลต่อเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ระบบกันสะเทือน อีกทั้งทำให้เบรกทำงานหนัก และมีอายุการใช้งานสั้นลง จึงส่งผลต่อการทรงตัวและการหยุดรถ ไม่ปล่อยให้น้ำมัน อยู่ในระดับต่ำเพราะทำให้ปั๊มน้ำมันที่ต้องมีน้ำมันหล่อเลี้ยงตลอดเวลามีอายุการใช้งานสั้นลง ปิดแอร์ทุกครั้งที่ดับเครื่องยนต์ แม้ปัจจุบันรถจะมีระบบตัดไฟฟ้าขณะสตาร์ทเครื่องยนต์ จึงไม่ทำให้กระแสไฟกระชาก แต่การไม่ปิดแอร์ก่อนดับเครื่องยนต์ จะทำให้โบลว์เออร์เป่าลมหยุดการทำงานชั่วคราว เมื่อสตาร์ทรถติดแล้ว รีเลย์จะชะลอการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ประมาณ 1 – 2 นาที ส่งผลให้เปลืองไฟจากแบตเตอรี่ ทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานสั้นลง ทั้งนี้ เพื่อให้รถมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น นอกจากผู้ขับขี่ต้องหมั่นดูแลรักษารถ เปลี่ยนอุปกรณ์ประจำรถ และนำรถไปตรวจสอบสภาพกับศูนย์บริการ หรืออู่ซ่อมรถตามวงรอบ และระยะเวลาที่กำหนดแล้ว พฤติกรรมการขับขี่อย่างถูกวิธีถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของรถ และเพิ่มประสิทธิภาพในการขับรถ จึงช่วย ลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง