กรุงเทพฯ--4 ก.พ.--สหมงคลฟิล์ม
กลัวคนดูสะใจไม่พอ หรือคิดว่าหนังแอ็คชั่นผู้หญิงบู๊อย่าง “ช็อคโกแลต” จะไม่มันส์สะใจเท่า“องค์บาก” และ“ต้มยำกุ้ง” งานนี้พันนา ฤทธิไกร เลยดีไซน์ฉากแอ็คชั่นในสไตล์ “เล่นจริง เจ็บจริง”ให้บู๊สาวหน้าหวานอย่างน้อง “จีจ้า ญาณิน”ได้โชว์ความสามารถทางด้านศิลปะการต่อสู้ ผสมผสานกับการเล่นคิวบู๊เสี่ยงตายบนริมขอบตึก4ชั้นที่มีความสูงถึง 14 เมตร ที่รับรองเห็นแล้วต้องเกิดอาการ “อึ่ง ทึ่ง เสียว”อย่างแน่นอน อย่าว่าแต่ออกลีลาบู๊เลย แค่จะยืนทรงตัวให้อยู่ก็ยังยากเลย ด้วยพื้นที่ที่มีเพียงแค่ 1 ฝ่าเท้าเท่านั้นเอง แถมงานนี้ต้องประกบกับรุ่นใหญ่อย่างป๋าอ๊อฟพงษ์พัฒน์ พร้อมเหล่าสตันท์แมนหลายสิบชีวิต ที่โผล่ออกมาจากประตูและหน้าต่างของตึกทั้ง 4 ชั้นเพื่อเล่นงานกับน้องจีจ้าโดยเฉพาะ
“พูดได้ว่าเป็นฉากที่ยากและเสี่ยงอันตรายที่สุดฉากหนึ่งในหนัง “ช็อคโกแลต” ที่น้องจีจ้าต้องโชว์ความสามารถทางการต่อสู้(MARTIAL ARTS)ผสมผสานกับเสี่ยงตาย ลองนึกภาพจีจ้าต้องเล่นอยู่ตรงขอบตึกสูงสี่ชั้นที่มีทั้งเสาไฟฟ้า ป้ายโฆษณา ที่มีพื้นเหยียบได้นิดเดียว แล้วไหนจะต้องมีคิวที่จีจ้าทะยานลอยไปตีศอกสตั้นท์อีก คือเดินเฉยๆก็ยากอยู่แล้ว นี่ยังต้องโดดจากขอบตึกไปป้ายโฆษณาอีก สำหรับฉากนี้เหมือนเติมฝันของตัวผมเองที่อยากทำชัดๆรวมทั้งยังเป็นการโชว์ความสามารถของสตันท์ด้วย ให้เห็นสตันท์ร่วงถึงพื้นปั้งๆๆ นึกดูละกันว่เป็นเป็นพื้นซีเมนต์ที่ไม่ใช่พื้นดิน” แล้วตัวจ้าจะใช้มวยไทยที่ผสมผสานกับความพลิ้วไหวในฉากนี้ด้วย
ฟังความตั้งใจของพันนา ฤทธิไกรผู้ออกแบบและควบคุมฉากแอ็คชั่นทั้งหมดแล้วลองมาฟังความรู้สึกของน้องจีจ้า ญาณินถึงฉากที่เจ้าตัวยืนยันว่าทั้งยาก เครียด และกดดันที่สุด ถึงขนาดที่ว่าพอถ่ายฉากนี้จบทั้งๆที่หนังยังไม่ปิดกล้อง ความรู้สึกของนางเอกสาวของเราถึงกับเหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยทีเดียว
“ไม่มีฉากไหนสำหรับจ้าที่ยากที่สุดเท่ากับตึก4 ชั้นอีกแล้ว เพราะลำพังแค่ฉากนี้ฉากเดียวจ้าและทีมสตันท์ต้องใช้เวลาฝึกซ้อมอยู่เป็นเดือนๆ ซ้อมไป ถ่ายเวิร์คช็อพไปในที่จริงเลย เพราะเราไม่สามารถไปซ้อมที่อื่นได้ ส่วนการคิดดีไซน์ท่าต่างๆ พี่พันนามีคิดเผื่อหลายๆท่าเอาไว้เหมือนกัน โดยปรับตามสถานที่จริงอีกที รวมไปถึงจังหวะการเข้าคิวต่างๆ ซึ่งมีรายละเอียดเยอะมาก ยอมรับว่าทุกคนพิถีพิถันกับฉากนี้มาก เพราะมันขึ้นอยู่กับชีวิตของคนหลายๆคน พอถึงตอนถ่ายจริงใช้เวลาถึง 2 เดือนเลยค่ะ จำได้ว่าไปโลเกชั่นวันแรก จ้าต้องหันตัวแนบชิดกำแพงเลย เพราะจ้ากลัวความสูงมากจนพี่ๆสตันท์ต้องสั่งให้จ้าถอยออกมาเพื่อลองเล่นดู คือถ้าตราบใดยังกล้ากลัวๆก็จะเป็นอย่างนั้นตลอด ทั้งๆที่มีสลิงเซฟตี้ จ้ายังต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์ถึงจะชิน กล้าเล่น จนเริ่มมั่นใจเพราะอย่างน้อยถ้าตกจากชั้น 4 พี่ๆก็ยังดึงสลิงทัน จำได้ว่าพอถ่ายคิวนี้จบจ้าเฮเลย หลายคนแปลกใจว่าเฮทำไมเพราะยังไม่ปิดกล้อง
แล้วต้องเข้าฉากสู้กับสตันท์ไม่ต่ำกว่า 15 คนที่โผล่ออกมาจากแต่ละชั้นเพื่อเล่นงานเรา เราก็ต้องคอยเตะกระจกขวางหรือเล่นงานเขา เพราะทางเดินแคบมากไม่สามารถเดินสวนกันสองคนได้ แต่ทีนี้พอถีบกระจกปุ๊บกระจกแตกก็จะบาดเท้าบาดขา จนทุกวันนี้ก็ยังเป็นแผลเป็นอยู่ แล้วตอนที่กระจกบาดเจาะคว้านเฉือนเนื้อลึกลงไปประมาณหัวนิ้วก้อย ก็ไม่รู้ตัว เล่นต่อสักพักถึงรู้สึกแปลกๆ ตึงๆเจ็บๆก็ปรากฏว่าเลือดไหลๆจากเหนือข้อเท้าไหลลงไปจนถึงข้อเท้า ต้องใช้น้ำแข็งประคบอยู่พักใหญ่ แล้วค่อยถ่ายต่อ รวมทั้งตอนที่ต้องไล่ล่าพี่อ๊อฟพงษ์พัฒน์จ้าต้องใช้หลังตัวเองกระแทกป้ายโฆษณาเพื่อเป็นแรงส่งให้ตัวเองมาตีเข่าสตันท์อีกคนที่ขวางทางอยู่ข้างล่าง จากชั้น 3 ลงมาที่ชั้น 2 ซึ่งต้องบอกว่าอันนี้เจ็บมากเลยเพราะหลังกระแทกป้ายที่เป็นโครงเหล็ก แล้วขาที่ลงมากะจังหวะไม่พอดีอีก ต้องบอกว่าคิวที่พี่พันนาออกแบบมาสุดยอดจริงๆ ทั้งยากและหนัก แต่พอเห็นภาพออกมาก็หายเหนื่อยเลย”
อยากเห็นฉากที่ยากที่สุดของจีจ้า ณาณิน แบบเต็มๆได้ใน “ช็อคโกแลต” 6 กุมภาพันธ์นี้ทุกโรงภาพยนตร์