กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
'บมจ.โอสถสภา (OSP)' โชว์ศักยภาพความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/62 ทำกำไรสุทธิ 888 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยอดขายรวมขยายตัวในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ พร้อมเดินหน้าออกผลิตภัณฑ์ใหม่ และขยายโรงงานขวดแก้วรองรับการเติบโต
นายเพชร โอสถานุเคราะห์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ดำเนินแผนการตลาดแบบ Multi-brand Portfolio ควบคู่กับการดำเนินโครงการ Fitness First ที่มุ่งบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประสบความสำเร็จในการผลักดันผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2562 มีกำไรสุทธิ 888 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 14.0%
สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอล์ในประเทศนั้น บริษัทฯ ยังคงการเติบโตของรายได้อยู่ที่ 4.0% มาจากเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่มีส่วนผสมของสมุนไพร เช่น โสมอินซัม และฉลามกระชายดำ และเครื่องดื่มแบรนด์ "ซี-วิต" (C-Vitt) ซึ่งมีอัตราการเติบโตโดดเด่นที่ 149% จากปีก่อน และสามารถครองใจผู้บริโภคได้อย่างเหนียวแน่น นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่ออกในไตรมาส 1 อย่าง "เปปทีน พลัส" (Peptein Plus) ที่เพิ่มคุณสมบัติช่วยในการมองเห็นนั้นก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดียิ่ง
ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล แบรนด์ "ทเวลฟ์ พลัส" (Twelve Plus) เติบโตถึง 26.6% จากความสำเร็จของผลิตภัณฑ์แป้งหอมเย็นทเวลฟ์ พลัส และ ทเวลฟ์ พลัส เพอร์ฟูม มิสท์ (Twelve Plus Perfume Mist) และแบรนด์ "เบบี้มายด์" (Babi Mild) มีการทำกิจกรรม "ท้าพิสูจน์ความหอมที่คุณแม่เลิฟอันดับ 1" ในส่วนของแบรนด์ "เอ็กซิท" (Exit) เติบโตถึง 22.3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการปรับแคมเปญการตลาดร่วมกับ BNK48 เกิร์ลกรุ๊ปชื่อดัง ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ธุรกิจ OEM-ขวดแก้วกลับมาสร้างรายได้และการเติบโต โดยขยายตัวถึง 44.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากเปิดเตาหลอมอีกครั้งในช่วงเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว
นายเพชรกล่าวว่า "บริษัทฯ พอใจกับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2562 ที่สร้างการเติบโตได้ดีทั้งรายได้และกำไรสุทธิ สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่มีขีดความสามารถการแข่งขันที่ดีทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียน โดยตลาดกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และอินโดนีเซีย มีสัญญาณการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง (ณ อัตราแลกเปลี่ยนคงที่) ในไตรมาส 2/2562 บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นด้านการบริหารต้นทุน ควบคู่ไปกับการผลักดันการเติบโตผ่านกิจกรรมการตลาด การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมถึงการขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับการเติบโตที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ"
ในไตรมาส 2/2562 บริษัทฯ จะยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างแคมเปญการตลาดที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค อาทิ แคมเปญแต้มเอ็ม (การสะสมคะแนนเพื่อลุ้นรางวัล หรือแลกรับของพรีเมี่ยมผ่านช่องทางไลน์) และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น การออกผลิตภัณฑ์ซีวิตแบบกล่อง เพื่อขยายตลาดและกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถดื่มได้ทุกเพศทุกวัย
และเมื่อเร็วๆ นี้ บริษัทฯ ยังได้เตรียมขยายการผลิตรองรับการเติบโตของธุรกิจ โดยทำพิธีก่ออิฐก้อนแรกของโรงงานหลอมแก้วใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อใช้เป็นฐานการผลิตขวดแก้วในอนาคต โรงงานแห่งนี้ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย เป็นโรงงานผลิตขวดแก้วที่มีประสิทธิภาพสูงในระดับโลก สามารถผลิตขวดแก้วที่บางและมีน้ำหนักเบา เอื้อต่อการบริหารจัดการต้นทุน โดยจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จในครึ่งปีหลังของปี 2562 ในขณะที่โรงงานผลิตเครื่องดื่มแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมติละวา กรุงย่างกุ้ง เมียนมาร์ ได้เริ่มดำเนินการตอกเสาเข็มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีความคืบหน้าในการก่อสร้างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ คาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ภายในปลายปีนี้