กรุงเทพฯ--15 พ.ค.--โกลบอลพีอาร์
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมผลักดันผู้ประกอบการสิ่งทอไทยสู่สิ่งทอเทคนิคทางการแพทย์ เพิ่มมูลค่าและสร้างโอกาสเปิดตลาดใหม่ให้อุตสาหกรรมสิ่งทอ พร้อมทั้งเป็นอุตสาหกรรมสนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve การแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) ช่วยลดต้นทุนการให้บริการและยกระดับการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์
นายณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า สศอ. ได้ผลักดันผู้ประกอบการสิ่งทอไทยในการยกระดับธุรกิจสู่การผลิต "สิ่งทอเทคนิคการแพทย์" (Meditech) ช่วยสร้างโอกาสในการขยายตลาดใหม่ โดยร่วมมือกับสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอในการเชื่อมโยงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งผู้ผลิต ผู้พัฒนาเทคโนโลยี ผู้จัดจำหน่าย และผู้ใช้สิ่งทอเทคนิคทางการแพทย์เพื่อร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการตลาด เพิ่มมูลค่าให้สิ่งทอด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี และลดการนำเข้าจากต่างประเทศ โดยตั้งเป้าหมายพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยสู่ผลิตภัณฑ์สิ่งทอเทคนิคการแพทย์แบบครบวงจร ในลักษณะสิ่งทอสมัยใหม่ที่มีความหลากหลาย แตกต่างจากคู่แข่งและผลิตโดยคนไทย (Made in Thailand)
จากการศึกษาวิเคราะห์พบว่า สิ่งทอเทคนิคทางการแพทย์เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพการตลาดสูงและสามารถทำกำไรได้มากเมื่อเทียบกับสิ่งทอเทคนิคประเภทอื่น โดยได้ บมจ. ฟิลเทค เอ็นเตอร์ไพรส์ ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ชั้นนำ ร่วมชี้ทิศทางการขยายตัวของสิ่งทอการแพทย์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ประเภทใช้แล้วทิ้ง (Disposable products) เช่น ชุดเสื้อกาวน์ผ่าตัดปลอดเชื้อประเภทใช้แล้วทิ้ง ถุงมือ หมวกคลุมศีรษะ ที่คลุมรองเท้า หน้ากากอนามัย และถุงบรรจุวัสดุใช้แล้วทิ้ง รวมถึงผลิตภัณฑ์ ต่าง ๆ สำหรับผู้สูงอายุ
ปัจจุบันมีผู้ประกอบการไทยคิดค้นนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อยกระดับสิ่งทอสู่สิ่งทอเทคนิคการแพทย์ เช่น บริษัท เพอร์ม่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่พัฒนานวัตกรรมเส้นใยที่ยับยั้งแบคทีเรียได้อย่างถาวรด้วยการผสานเทคโนโลยีนาโนซิงค์ และต่อยอดผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดสิ่งทอการแพทย์ เช่น ชุดผู้ป่วยและผ้าปูที่นอนขจัดเชื้อแบคทีเรีย หรือหจก. กิมง่วนจั่น ที่พัฒนาสิ่งทอให้มีคุณสมบัติป้องกันฝุ่นและป้องกันน้ำซึมผ่าน ที่ต่อยอดไปสู่การผลิตชุดพยาบาลในห้องผ่าตัด นอกจากนี้ การพัฒนาด้านการออกแบบก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางในการยกระดับสินค้าเข้าสู่ตลาดดังกล่าว เช่น การออกแบบเสื้อผู้ป่วยที่มีความสะดวกต่อการสวมใส่และขยับตัวของผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้ใส่เฝือกแขน เสื้อผ้าที่ออกแบบให้เหมาะสมกับรูปร่างผู้สูงอายุ
นายณัฐพล กล่าวต่อว่า การส่งเสริมการลงทุนและพัฒนาสิ่งทอเทคนิคการแพทย์อย่างจริงจัง นอกจากจะช่วยลดการนำเข้าจากต่างประเทศแล้ว ยังเพิ่มทางเลือกให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่จะมีชุดเครื่องแบบและชุดใส่ปฏิบัติงานที่มีการใช้งานที่ หลากหลาย เช่น ชุดที่สามารถป้องกันแบคทีเรีย ป้องกันของเหลวซึมผ่าน และระบายน้ำและอากาศได้ดีในชุดเดียว รวมถึงกลุ่มผู้ป่วยที่จะสามารถเข้าถึงวัสดุอุปกรณ์ฟื้นฟูร่างกายที่ผลิตภายในประเทศในราคาย่อมเยาว์กว่าอุปกรณ์นำเข้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศทั้งด้านอุตสาหกรรม สาธารณสุข และสังคมผู้สูงวัย
ทั้งนี้ สศอ. มีแนวทางจัดทำกลไกการพัฒนาแพลตฟอร์มอุตสาหกรรมวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยจะนำร่องด้วยสิ่งทอเทคนิคการแพทย์เพื่อเป็นหนึ่งฟันเฟืองที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) อุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve ภายใต้โร้ดแมปไทยแลนด์ 4.0 นำไปสู่การเพิ่มศักยภาพการให้บริการคุณภาพสูงและยกระดับการผลิตวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์สมัยใหม่ในท้ายที่สุด โดยในอนาคตการลงทุนในอุตสาหกรรมสิ่งทอเทคนิคทางการแพทย์ของไทยจะสามารถขยายสู่ตลาดส่งออกในหลายประเทศ ตามความต้องการจากผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ซึ่งดูได้จากการส่งออกสิ่งทอเทคนิคทางการแพทย์ของไทยในปี 2561 มีมูลค่ารวม 59.86 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มร้อยละ 7.0 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกอันดับต้น ๆ คือ ผ้าพันแผลผ้าก๊อซ ของใช้เพื่อการอนามัยที่ทำด้วยแผ่นเยื่อของเส้นใยเซลลูโลสและ เอ็นเย็บแผล ตามลำดับ นอกจากนี้ตลาดในประเทศยังมีการเติบโตที่ดีมาก ซึ่งนับเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มในการยกระดับสู่อุตสาหกรรมอนาคตต่อไป นายณัฐพล รังสิตพล กล่าวในที่สุด