กรุงเทพฯ--4 ก.พ.--สวทช.
การเจาะเลือด เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยในการวินิจฉัยโรคต่างๆของมนุษย์ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่อุปกรณ์ในการเจาะเลือดจะต้องมีความสะอาดและปลอดภัยสูงสุด เพื่อให้ได้ผลของการตรวจที่ถูกต้องแม่นยำ เหตุผลนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เทคโนโลยีในการผลิตวัสดุและอุปกรณ์ทางการแพทย์มีราคาค่อนข้างสูง ทั้งยังต้องนำเข้าจากต่างประเทศแทบทั้งสิ้น บริษัท เซนนิเมด (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทหนึ่งที่มีนวัตกรรมทางการแพทย์ที่เกิดจากฝีมือคนไทย ด้วยบุคคลากรที่มีพื้นฐานการศึกษาด้านเทคนิคการแพทย์และประสบการณ์ในการทำงานด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และสาธารณสุขที่ได้ร่วมกันริเริ่มก่อตั้งบริษัทและช่วยกันคิดค้นวิธีการและเทคโนโลยีในการผลิต “หลอดเก็บเลือดสุญญากาศ”
นายนิพนธ์ เอี่ยมโกสุม กรรมการผู้จัดการ บริษัทเซนนิเมด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าบริษัทมีนวัตกรรมในการผลิต หลอดเก็บตัวอย่างเลือดชนิดสุญญากาศ (Vacuum blood collection tube) ที่เรียกว่า Forced Air Evacuation System (FAE System) ซึ่งเป็นนวัตกรรมหลอดเลือดสุญญากาศฝีมือคนไทยเจ้าแรก ทำให้เกิดเป็นโครงการ “ทดสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์หลอดเก็บตัวอย่างเลือดชนิดสุญญากาศ” ด้วยการสนับสนุนของโครงการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย (iTAP) ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (TMC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (NSTDA)
นายนิพนธ์ กล่าวว่า หลอดเก็บเลือดทั่วไปกับหลอดเก็บเลือดสุญญากาศ จะทำหน้าที่เหมือนกับกระบอกฉีดยา โดยจะมีความแตกต่างกันคือ หลอดเก็บเลือดทั่วไปจะมีการใช้เข็มไซริ่ง(syringe)เจาะเลือดและนำเลือดที่เจาะได้ กลับมาถ่ายลงในหลอดที่มีสารเคมีผสมอยู่เพื่อให้เลือดคงสภาพอีกครั้ง ทำให้เป็นการปฏิบัติงานที่ไม่สะดวกเนื่องจากต้องถ่ายเลือดเทไปมา อีกทั้งปริมาณเลือดที่เจาะได้ก็มักจะเกินกับความต้องการใช้งานจริงและเกินกว่าปริมาณสารเคมีภายในหลอด ทำให้เลือดกับสารเคมีมีปริมาณไม่สมดุลกัน ซึ่งอาจส่งผลไปถึงการวินิจฉัยโรคต่อไปได้ ดังนั้นการพยายามหาเทคโนโลยีที่สะดวก รวดเร็ว และมีความปลอดภัยต่อผู้ป่วยจึงมีความจำเป็น
โดยหากนำ หลอดเก็บเลือดสุญญากาศ มาใช้จะสามารถเจาะเลือดด้วยวิธีง่ายๆ คือ เมื่อใช้เข็มไซริ่ง(syringe)และหลอดเก็บเลือดสุญญากาศเจาะเข้าไปในตัวผู้ป่วย อุปกรณ์ชนิดนี้จะสามารถดูดปริมาณเลือดได้พอดีกับปริมาณสารเคมีภายในหลอด ทำให้สามารถนำเลือดไปตรวจวินิจฉัยอย่างได้ผลเต็มที่ เนื่องจากเลือดไม่ต้องสัมผัสกับอากาศภายนอกและบุคลากรทางการแพทย์เลย
กรรมการผู้จัดการบริษัท เซนนิเมด(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หากจะสรุปข้อดีของหลอดเก็บเลือดสุญญากาศ คือ จะเป็นหลอดเลือดที่ช่วยลดความเจ็บปวดและเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการเจาะเลือดของผู้ป่วยที่เข้ารับการตรวจในโรงพยาบาล เนื่องจากจะช่วยลดขั้นตอนการเจาะเลือดที่น้อยลง ทำการเปลี่ยนหลอดได้อย่างสะดวก นุ่มนวล อีกทั้งเข็มสามารถเจาะผ่านฝาได้ง่าย ดูดเลือดได้อย่างรวดเร็ว สามารถปรับชนิดและรูปแบบของผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของผู้ปฏิบัติงานเฉพาะราย เช่น หากต้องการเลือดในปริมาณมากก็เพียงเปลี่ยนหลอดใหม่ โดยผู้ป่วยไม่ต้องโดนเจาะด้วยเข็มหลายครั้ง รวมทั้งภายนอกหลอดเก็บเลือดดังกล่าวยังมีฉลากเฉพาะสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย ทำให้สะดวกต่อการใช้งาน ดูง่าย ไม่ทำเกิดความสับสน
สำหรับมาตรฐานของหลอดเก็บเลือดสุญญากาศนี้ ยังเป็นไปตามมาตรฐานสากล อาทิ....
- ด้านการออกแบบและการผลิต จะเป็นไปตามมาตรฐาน NCCLS Guideline (National Committee of Clinical Laboratory Service) ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางมีหน้าที่กำหนดมาตรฐานเครื่องมือทางการแพทย์
- ด้านมาตรฐานในการทดสอบ จะเป็นไปตามมาตรฐาน ISO 6710 ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ใช้ในการทดสอบสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้เก็บตัวอย่างเลือดหรือของเหลวที่ใช้เพียงครั้งเดียว
- ด้านมาตรฐานผลิต จะเป็นไปตาม ISO 9001:2000 จาก 2 สถาบันคือ ANAB และ UKAS นอกจากนี้โครงการดังกล่าวยังได้ร่วมมือกับหน่วยงานราชการในการประเมิณทดสอบคุณภาพคือ ภาควิชาเวชศาสตร์ชันสูตร คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรรมการผู้จัดการบริษัทเซนนิเมด(ประเทศไทย)จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์หลอดเก็บเลือดสุญญากาศนั้น หลังจากที่บริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ ยังได้รับความสนใจนำไปใช้งานจริงในโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งโรงพยาบาลชุมชนต่างจังหวัดและโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพมหานคร รวมทั้งลูกค้าต่างประเทศที่ให้ความสนใจ และมองว่าตลาดสินค้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ยังเปิดกว้าง เนื่องจากมีปริมาณความต้องการใช้งานมาก อีกทั้งเครื่องมือต่างๆ ทางการแพทย์ในปัจจุบันยังสนับสนุนการใช้งานด้วยหลอดเก็บเลือดสุญญากาศประเภทนี้เป็นส่วนใหญ่ ทำให้มีหลายโรงพยาบาลที่เห็นความสำคัญและเปลี่ยนมาใช้เครื่องมือชนิดนี้ทดแทนหลอดเก็บเลือดธรรมดา และหลอดเก็บเลือดสุญญากาศยังมีราคาสินค้าไม่สูงมากหากเทียบกับการต้องนำเข้าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จากต่างประเทศ
ด้านความช่วยเหลือของภาครัฐอย่างโครงการ iTAP นั้นยังได้มีการสนับสนุนเงินในโครงการ 50% เพื่อช่วยเหลือด้านต่างๆ ทั้งการวิจัย ทดสอบ ตรวจคุณภาพ ทำให้สินค้ามีคุณภาพมาตรฐาน สามารถคว้ารางวัลนวัตกรรมดีเด่นประจำปี 2549 จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ มาด้วยความภาคภูมิใจในฝีมือและเทคโนโลยีที่คิดค้นจากคนไทย และวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตแทบทั้งหมดยังสามารถหาได้ในประเทศ ทำให้มีแนวคิดที่จะขยายโรงงานผลิต เพื่อให้มีกำลังการผลิตที่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้าต่อไปในอนาคต