กรุงเทพฯ--16 พ.ค.--มาสเตอร์ แอด
บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ วีจีไอ ("VGI") ผู้นำ Offline-to-Online ("O2O") Solutions บนแพลตฟอร์มธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการชำระเงิน และธุรกิจโลจิสติกส์ เผยผลประกอบการปี 2561/62 ทำรายได้เติบโตเหนือความคาดหมาย ด้วยรายได้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 31.0% เป็น 5,158 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิสูงกว่า 1,101 ล้านบาท โตขึ้น 30.1% จากปีก่อน ซึ่งความสำเร็จนี้มาจากการผสมผสานกลยุทธ์ O2O Solutions ที่นำจุดแข็งของแต่ละแพลตฟอร์มมาสร้างสรรค์และต่อยอดทางธุรกิจ
คุณเนลสัน เหลียง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราถือว่าประสบความสำเร็จในการปรับเปลี่ยนรูปแบบของธุรกิจจากเดิมที่เป็นผู้ให้บริการด้านสื่อโฆษณานอกบ้านเพียงอย่างเดียวไปสู่ กลยุทธ์ทางการตลาดแบบ O2O Solutions ผสานการทำงานร่วมกันบนทุกแพลตฟอร์มในเครือข่าย เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการแบบไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการชำระเงิน และธุรกิจโลจิสติกส์ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ มีรายได้เติบโตแบบทะลุเป้าและทำรายได้สูงสุดนับตั้งแต่เปิดดำเนินการ ซึ่งเราก็จะไม่หยุดพัฒนาเครือข่ายการให้บริการทางการตลาดผ่าน ecosystem ที่ครบวงจรแต่เพียงเท่านี้
ธุรกิจสื่อโฆษณา เรามีกลยุทธ์การวางรากฐานที่แข็งแกร่งเพื่อการเติบโตแบบมั่นคง โดยการหาพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ผนวกกับการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ควบคู่ไปด้วยกัน โดยล่าสุด VGI เพิ่งมีการเปิดตัวหน้าจอดิจิทัลขนาดกว้าง 45 เมตร ทั้งหมด 5 จอ บนสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรีเป็นสถานีแรก และจะเปิดตัวเพิ่มอีก 3 สถานี ได้แก่ อโศกพร้อมพงษ์ และศาลาแดง ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2562/63 โดยในปี 2561/62 สื่อโฆษณาในระบบขนส่งมวลชน ทำรายได้ 2,354 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากอัตราการใช้สื่อที่มากขึ้น โดยเฉพาะสื่อโฆษณาประเภทดิจิทัลและพื้นที่ร้านค้าบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สื่อโฆษณาในอาคารสำนักงานและอื่นๆ มีการเติบโตขึ้นอย่างโดดเด่นเช่นกัน มีรายได้ 414 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.4% และยังคงความเป็นผู้ในตลาดนี้ด้วยจำนวนอาคารภายในการบริหารทั้งสิ้น 180 อาคาร สำหรับสื่อโฆษณากลางแจ้งทำรายได้เพิ่มขึ้น 12.6% เป็น 1,079 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องของสื่อโฆษณาดิจิทัลบิลบอร์ดจำนวน 35 จอ ที่ได้เปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคม 2560 ของบริษัท MACO
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างโอกาสเติบโตทางธุรกิจ VGI ได้เข้าถือหุ้นจำนวน 18.6% ของบริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) (PlanB) ผู้ให้บริการสื่อโฆษณานอกบ้านชั้นนำของประเทศไทย ด้วยมูลค่าลงทุนที่ 4,260 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้ทั้งสองบริษัทเป็นผู้นำตลาดสื่อนอกบ้านของประเทศไทย ด้วยมูลค่าสื่อรวมกันกว่า 12,000 ล้านบาท การเข้าไปร่วมลงทุนในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการทำงานของแพลตฟอร์มต่างๆ ของ VGI ร่วมกับกลยุทธ์ของทางพันธมิตรและยกระดับความแข็งแกร่งในการสร้างโอกาสทางธุรกิจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ที่ผ่านมา VGI ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อว่า VGI AnyMind Technology Company Limited ร่วมกับ AnyMind ผู้นำธุรกิจสื่อโฆษณาที่ใช้เทคโนโลยี AI ในการสร้างมูลค่าเพิ่มและยังเป็นผู้นำธุรกิจด้านการตลาดเชิงอิทธิพล (Influencer Marketing) โดย VGI ถือหุ้น 49% และ AnyMind กับผู้ถือหุ้นอื่นถือหุ้น 51% ซึ่งจะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดังกล่าวร่วมกับสื่อ Digital OOH ของ VGI เพื่อสร้างสรรค์การโฆษณาอย่างมีประสิทธิภาพและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ทั้งออฟไลน์และออนไลน์
นอกจากนี้ VGI ยังได้ลงนามในสัญญาเพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อ VClick Technologies Limited โดย iClick Interactive Asia Group Limited ถือหุ้นในสัดส่วน 49% VGI ถือหุ้นในสัดส่วน 30% และผู้ถือหุ้นอื่นๆ 21% ทั้งนี้ iClick คือผู้ให้บริการแพลตฟอร์มเทคโนโลยีการตลาดออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน ความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยจบโอกาสการโฆษณาตลาดผู้บริโภคชาวจีน โดยใช้ข้อมูลผ่านเทคโนโลยี AI พัฒนาแอปพลิเคชั่นมือถือและเปิดตัวเครื่องบริการชาร์จมือถือพร้อมจอแสดงผลแบบดิจิทัล ผ่านเครือข่ายของ VGI จำนวน10,000 จุดทั่วประเทศไทย
ธุรกิจบริการชำระเงิน มีรายได้ทั้งสิ้น 1,311 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 246.8% สาเหตุหลักมาจากการควบรวมงบการเงินของกลุ่มทรานส์ แอด ผู้ให้บริการด้านงานระบบแบบครบวงจรโดย MACO รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้จากกลุ่มแรบบิท ที่ประกอบด้วยรายได้จากการบริหารโครงการ lead generation และการเพิ่มขึ้นของจำนวนการขายกรมธรรม์ประกัน ทั้งนี้บริษัทฯ ยังได้พัฒนาการให้บริการชำระเงินอย่างต่อเนื่อง และร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจชั้นนำในหลากหลายอุตสาหกรรม ตามแนวคิดการเข้าสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) โดยเข้าร่วมมือกับบริษัท สห ลอว์สัน จำกัด และ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) นับเป็นอีกก้าวของการสร้าง O2O Ecosystem ผ่านร้านค้าของลอว์สัน (Lawson) ซึ่งลูกค้าสามารถใช้จ่ายได้อย่างสะดวกด้วย Rabbit Card หรือ Rabbit LinePay ปัจจุบันร้านลอว์สันเริ่มเปิดให้บริการบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสแล้ว 3 สถานี ได้แก่ ทองหล่อ เพลินจิต และศาลาแดง และมีแผนเปิดให้บริการทั้งหมดทุกสถานี
โดยในปีนี้จำนวนผู้ใช้ Rabbit Card มีจำนวนทั้งสิ้น 11 ล้านใบ เพิ่มขึ้น 23% บรรลุตามเป้าหมายสำหรับปีที่ตั้งไว้ที่ 10.5 ล้านใบ รวมทั้ง Rabbit LinePay ที่ยังคงได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้บริการมากกว่า 5.5 ล้านราย เพิ่มขึ้น 2.6 ล้านคน หรือ 83% ช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้สูงกว่าเป้าหมายเต็มปีที่ตั้งไว้ที่ 5.3 ล้านราย โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของการขยายเครือข่ายผู้ใช้อย่างต่อเนื่องและได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรรายใหญ่อย่าง บีทีเอส กรุ๊ป ("BTS") ผู้นำการให้บริการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน และ AIS ผู้นำอันดับ 1 ระบบสื่อสารโทรคมนาคม
ธุรกิจโลจิสติกส์ VGI ถือหุ้น 23% ของ Kerry Express (Thailand) ผู้นำอันดับหนึ่ง ในการให้บริการจัดส่งพัสดุไปยังสถานที่ต่างๆ ด้วยเงินลงทุน 5,901 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน Kerry สามารถส่งได้ถึง 1.2 ล้านชิ้นต่อวัน ซึ่งการลงทุนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้าง O2O Ecosystem ที่ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์มธุรกิจของ VGI ทั้งการโฆษณา การชำระเงิน และโลจิสติกส์ โดยเราได้เปิดตัว " Smart Sampling" ผ่านเครือข่ายของ Kerry นอกเหนือไปจากการแจกของแบรนด์ยังสามารถทำกิจกรรมทางการตลาดแบบออฟไลน์และออนไลน์ได้หลายรายการพร้อมกันกับกลุ่มเป้าหมาย หลังจากเปิดตัวเป็นเวลา 8 เดือน เราได้ส่งตัวอย่างมากกว่า 200,000 ชิ้น ให้กับแบรนด์อุปโภคบริโภคชั้นนำ นอกจากนี้เรายังได้เปิดตัวสื่อใหม่บนรถบรรทุกของ Kerry จำนวน 300 คัน ที่วิ่งให้บริการทั่วกรุงเทพและปริมณฑล โดยลูกค้าของเราสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่า 10.8 ล้านคนต่อวัน ปัจจุบัน Kerry ยังมีการเปิดร้านให้บริการรับส่งพัสดุบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสแล้วจำนวน 2 สถานี ได้แก่ พร้อมพงษ์ ทองหล่อ และมีแผนจะเปิดให้บริการเพิ่มเติมในอนาคตอีกด้วย
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยังกล่าวอีกว่า ปี 2561/62 ถือเป็นปีที่ประสบความสำเร็จและสามารถสร้างรายได้ทุบสถิติใหม่ สูงเป็นประวัติการณ์ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของกลยุทธ์ O2O Ecosystem โดยในปี 2562/63 เราคาดการณ์การเติบโตที่ประมาณ 20% โดยมีเป้าหมายรายได้รวมอยู่ที่ 6,000 – 6,200 ล้านบาท ซึ่งธุรกิจโฆษณาจะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนรถไฟฟ้าใหม่ 10 ขบวน และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์โฆษณาดิจิทัลรูปแบบใหม่ที่มีการใช้เทคโนโลยี เพื่อให้ VGI สามารถนำเสนอรูปแบบการโฆษณาอย่างสร้างสรรค์และมีเอกลักษณ์ พร้อมทั้งยังสามารถวัดผลการรับชมสื่อได้
ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทฯ ได้จัดตั้งหน่วยธุรกิจใหม่ขึ้นภายใต้ชื่อ "Digital Lab" เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจากสื่อโฆษณาออนไลน์ที่มีการเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา นอกจานี้เรามีความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ Synergies จากการร่วมมือกับ PlanB ผ่านการรวมเครือข่ายของสื่อโฆษณานอกบ้านเพื่อก่อให้เกิดประสิทธิภาพทางต้นทุน เชื่อว่าจะสามารถนำเสนอแพ็คเกจการโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ เพื่อมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า นำไปสู่การครองส่วนแบ่งทางการตลาดของสื่อโฆษณานอกบ้านภายในประเทศให้มากที่สุด ส่วนของธุรกิจบริการชำระเงิน ช่วงที่ผ่านมาถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก ซึ่งบริษัทฯ ยังคงมีแผนการขยายจำนวนบัตร Rabbit และ จำนวนผู้ใช้ Rabbit LinePay อย่างต่อเนื่อง โดยเราคาดว่าจำนวนบัตร Rabbit จะเพิ่มขึ้น 36% จาก 11 ล้านเป็น 15 ล้านใบ ในขณะที่จำนวนผู้ใช้ Rabbit LinePay จะเพิ่มขึ้น 45% จาก 5.5 ล้านราย เป็น 8 ล้านราย และเรายังคงมุ่งมั่นที่จะขยายเครือข่ายการขนส่งสินค้า ร่วมกับ Kerry เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด e-Commerce ที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยมีแผนที่จะเปิดให้บริการร้านรับส่งพัสดุดังกล่าวให้ครอบคลุมทั้งเครือข่ายของรถไฟฟฟ้าบีทีเอส ทั้งนี้บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถรับรู้ Synergies จากความร่วมมือกับ Kerry ได้มากยิ่งขึ้น จากการขยายการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อาทิเช่น สินค้าทดลอง (Smart Sampling) และสื่อโฆษณาบนรถบรรทุกของ Kerry