กรุงเทพฯ--17 พ.ค.--อินโดรามา เวนเจอร์ส
อินโดรามา เวนเจอร์ส รวมธุรกิจเส้นใยอุตสาหกรรมทั่วโลกเพื่อจัดตั้งกลุ่มธุรกิจ Mobility นำเสนอโซลูชั่นที่จำเป็นสำหรับยางรถยนต์ ความปลอดภัยยานยนต์และกลุ่มวัสดุเฉพาะทาง
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) ประกาศจัดตั้งหน่วยธุรกิจใหม่ภายใต้กลุ่มธุรกิจเส้นใยของไอวีแอล ภายใต้ชื่อ กลุ่มธุรกิจ Mobility ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจ 3 กลุ่มย่อย ได้แก่ ยางรถยนต์ ความปลอดภัยยานยนต์และวัสดุเฉพาะทาง
กลุ่มธุรกิจ Mobility ของอินโดรามา เวนเจอร์ส เป็นการรวมกลุ่มกันของสุดยอดกิจการที่เข้าซื้อที่ประสบความสำเร็จในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย บริษัท PHP Fibers, Performance Fibers, Trevira Filaments, Glanzstoff, Kordana และ UTT ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมมาหลายทศวรรษ จึงเป็นการรวมตัวกันขององค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในอุตสาหกรรม รวมถึงคุณค่าของแบรนด์ ประกอบด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ครอบคลุมตั้งแต่เส้นใย เส้นด้าย Single-end cord และสิ่งทอที่ทำจากโพลีเอสเตอร์ โพลีอะไมด์ เรยอน อะรามิด ไฮบริดและ PEN เกิดเป็นหน่วยธุรกิจที่มีการบูรณาการระดับโลก
ตลาดเป้าหมายของกลุ่มธุรกิจ Mobility ได้แก่ ผลิตภัณฑ์สำหรับเสริมแรงยางรถยนต์ ถุงลมนิรภัย เข็มขัดนิรภัย ผลิตภัณฑ์ Mechanical rubber ด้ายเย็บ สิ่งทอ เชือกและกลุ่มเชือก ผลิตภัณฑ์ตกแต่งภายในรถยนต์ สิ่งทอเพื่อที่อยู่อาศัยและวัสดุคอมโพสิต การรวมกลุ่มระหว่างธุรกิจนี้สร้างสถานะโดดเด่นระดับโลกอย่างแท้จริงและช่วยเสริมการเติบโตของธุรกิจผ่านการขยายสายผลิตภัณฑ์ ขยายความร่วมมือกับลูกค้าและฐานการผลิตทั่วโลก
ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจ Mobility ของอินโดรามา เวนเจอร์ส มีรายได้จากการขายสูงกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีโรงงานผลิต 16 แห่งใน 9 ประเทศและมีพนักงานว่า 6,000 คน
นาย Jochen Boos ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจ Mobility ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ (เดิมเป็น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท PHP Fibers) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ที่มุ่งสร้างเส้นทางการเติบโตที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาที่น่าตื่นเต้นของอุตสาหกรรมยานยนต์
"ทุกวันนี้ซัพพลายเออร์ต้องปรับตัวให้แข็งแกร่งกระแสการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ (Disruptive trends) ต่างๆที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า การขับขี่อิสระ การบริการคมนาคมในรูปแบบ Shared Mobility และยานพาหนะอัจฉริยะ กำลังสร้างโอกาสใหม่ให้กับเส้นใยและสิ่งทอ" นาย Boos กล่าว
นาย Arnaud Closson ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจ Mobility (เดิมเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Glanzstoff) ผู้นำคนสำคัญด้านการค้าและการดำเนินงานทั่วโลก กล่าว "กลุ่มธุรกิจ Mobility ที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ ได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ที่ดำเนินการมาอย่างยาวนาน นับเป็นการบูรณาการสินทรัพย์ภายใต้กลยุทธ์การตลาดแบบ go-to-market ที่เน้นการเจาะกลุ่มลูกค้าแต่ละเซ็กเม้นท์ เรามุ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายการดำเนินงานที่มีอยู่ทั่วโลก และการปรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ เพื่อยกระดับการส่งมอบคุณค่าทีดีขึ้นให้แก่ลูกค้า"
โครงสร้างกลุ่มธุรกิจ Mobility มีความสอดคล้องในการขับเคลื่อนความเป็นผู้นำ ผลักดันการตลาดผ่านหน่วยงานการค้าเฉพาะของธุรกิจ 3 กลุ่ม เร่งสร้างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ผ่านศูนย์วิจัยและพัฒนาส่วนกลาง รวมทั้งเปรียบเทียบแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดระหว่างโรงงาน เพื่อยกระดับความเป็นเลิศด้านการผลิต อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากความหลากหลายทางภูมิศาสตร์และพนักงานที่มีวัฒนธรรมแตกต่างกันทั่วโลก
ในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน กลุ่มธุรกิจ Mobility มุ่งมั่นที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อลูกค้าและสังคมเพื่อสืบสานพันธกิจของ อินโดรามา เวนเจอร์ส ซึ่งเป็นผู้นำอุตสาหกรรมที่มีความรับผิดชอบ ที่สร้างคุณค่าให้กับธุรกิจและสังคม
ก้าวไปข้างหน้าในฐานะธุรกิจใหม่ในขณะเดียวกันดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องภายใต้การดำเนินงานของบริษัทที่ทำงานมาอย่างยาวนาน กลุ่มธุรกิจ Mobility จึงเป็นพันธมิตรทางธุรกิจและแบรนด์ที่ช่วยส่งเสริมคุณค่าเพิ่มเติม
"Empowering safety and performance" - เส้นใยและสิ่งทอที่ขับเคลื่อนโลก
เกี่ยวกับ อินโดรามา เวนเจอร์ส
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Bloomberg ticker IVL.TB) เป็นหนึ่งในบริษัทปิโตรเคมีชั้นนำระดับโลก มีโรงงานผลิตครอบคลุมภูมิภาคหลักทั่วโลก ได้แก่ แอฟริกา เอเชีย ยุโรปและอเมริกาเหนือ โดยมีกลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วย ธุรกิจ Integrated PET ธุรกิจโอเลฟินส์ ธุรกิจเส้นใย ธุรกิจบรรจุภัณฑ์และธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty Chemicals) ผลิตภัณฑ์ของไอวีแอลรองรับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลส่วนบุคคล และอุตสาหกรรมยานยนต์ อาทิ ผลิตภัณฑ์ยางในรถยนต์และผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย ปัจจุบันบริษัทฯ มีพนักงานทั่วโลกราว 19,000 คนและมีรายได้จากการขายรวม 10.7 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2561 บริษัทฯ เป็นสมาชิกดัชนีดาวโจนส์ (DJSI) และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทยและมีโรงงานทั่วโลก อันได้แก่
ยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกา: เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี สาธารณรัฐไอร์แลนด์ ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี เดนมาร์ก ลิทัวเนีย โปแลนด์ สาธารณรัฐเช็ก ลักเซมเบิร์ก สเปน ตุรกี ไนจีเรีย กานา โปรตุเกส อิสราเอล อียิปต์ รัสเซีย สโลวาเกีย ออสเตรีย
อเมริกา: สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก แคนาดา บราซิล
เอเชีย: ไทย อินโดนีเซีย จีน อินเดีย ฟิลิปปินส์ เมียนมาร์