กรุงเทพฯ--21 พ.ค.--แอบโซลูท พีอาร์
วงการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยนับเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่มีการแข่งขันแย่งชิงลูกค้าอย่างดุเดือด ด้วยกลยุทธ์หลากหลายรูปแบบ ทั้งในเรื่องการทำแบรนด์ดิ้ง ดีไซน์ ทำเลทองในย่านสำคัญ ๆ รวมถึงการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้าตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและการสร้างประสบการณ์ใหม่แก่ลูกค้ายุคดิจิทัล ในขณะเดียวกันในวงการอสังหาฯ ยังได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาทรานส์ฟอร์เมชั่นองค์กร ด้วยการนำมาเป็นเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์วางกลยุทธ์ผนวกกับเทรนด์ของธุรกิจอสังหาฯ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยจากข้อมูลของ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ระบุว่าเทรนด์ที่จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของทิศทางอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต คือ "เทรนด์การลงทุนและเทรนด์การอยู่อาศัย"
เทรนด์ด้านการลงทุน จะพบว่าผู้ประกอบการหันมาพัฒนาโครงการสิทธิการเช่าระยะยาว (Leasehold) บนที่ดินขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพ และสามารถพัฒนาเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ มีการครอบครองโดยหน่วยงานรัฐบาล โดยผู้ประกอบการได้นำมาพัฒนาเป็นโครงการเมกะโปรเจค (Mega Project) ที่ผสมผสานการใช้พื้นที่ ในด้านของผู้ซื้อเอง ก็หันมาให้ความสนใจมากขึ้นเนื่องจากถูกกว่า และยังจะเห็นการพัฒนาโครงการแบบผสมผสาน (Mixed-used) เพื่อกระจายความเสี่ยงในการพัฒนาโครงการ ลดการแข่งขันทางธุรกิจมากขึ้น นอกจากนี้จำนวนผู้สูงอายุในประเทศไทยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเข้าใกล้ร้อยละ 20 บ่งชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยกำลังเปลี่ยนไปสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ที่นำมาซึ่งความต้องการที่อยู่อาศัยที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุมากขึ้น ดังนั้น การเกิดตลาดที่เป็นบ้านสำหรับผู้สูงอายุ (Senior Home หรือ Elder Living) จะเกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์สังคมไทย และจะเป็นสินค้าที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของคนได้อย่างรวดเร็ว
นางสาวธนพร ฐิติสวัสดิ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในโลกยุคดิจิทัลเทคโนโลยีเข้าแทรกซึมและยังประโยชน์ในทุก ๆ วงการไม่เว้นแม้แต่วงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีเทคโนโลยีหลายอย่างที่ทำให้การดำเนินการในด้านอสังหาริมทรัพย์พัฒนาและทันสมัยขึ้นมาก เป็นอีกข้อมูลหนึ่งที่น่ารู้น่าศึกษา และเทคโนโลยีบางอย่างยังมีประโยชน์ต่อคนทั่วไปไม่เฉพาะกับวงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ArcGIS แพลตฟอร์มด้านภูมิสารสนเทศอัจฉริยะ นับเป็นเครื่องมือหนึ่ง ที่ได้รับการยอมรับในหลายประเทศทั่วโลก มีความโดดเด่นในเรื่องของ Location Intelligence หรือ การวิเคราะห์ข้อมูลในมุมมองใหม่ ๆ โดยในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นำมาใช้เพื่อการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทพัฒนาอสังหาฯ 5 อันดับแรกของประเทศใช้ ArcGIS แพลตฟอร์มเป็นเครื่องมือ
ทั้งนี้ Location Intelligence บนแพลตฟอร์ม ArcGIS มีการทำงานที่เริ่มตั้งแต่กระบวนการ เก็บข้อมูล จัดเก็บ แบ่งปัน วิเคราะห์ ไปจนถึงการเข้าถึงเข้ามูลหรือบูรณาการแบบ real-time เพื่อการแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก่อให้เกิดการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ หรือเพื่อตัดสินใจในเชิงธุรกิจ แพลตฟอร์ม ArcGIS มีระบบการทำงานที่หลากหลายครบเครื่อง คือ
ระบบบริหารจัดการแปลงที่ดิน (Land Analysis) ระบบที่ช่วยตั้งแต่การวิเคราะห์หาปัจจัยต่อพื้นที่ศักยภาพในการลงทุน นำเอาข้อมูลจากนายหน้าที่ดินมาจัดเก็บและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการลงทุนจากปัจจัยของตัวธุรกิจและข้อมูลของแต่ละพื้นที่ ติดตามสถานะการซื้อขายของแต่ละแปลงที่ดิน และเข้าถึงข้อมูลแบบ real-time รวมไปถึงนำการเสนอข้อมูลต่อผู้บริหารในรูปแบบของ Interactive Dashboard เพื่อการตัดสินใจที่ทรงประสิทธิภาพมากกว่าที่เคย
ระบบจำลองพื้นที่โครงการและอาคารแบบ 3 มิติ (3D Building Typology Simulation) การสร้างแบบจำลองพื้นที่และอาคารแบบ Interactive 3D รูปแบบต่างๆ ตามเงื่อนไขของข้อมูลพื้นที่สีเขียวตาม FAR, BCR และ OSR ภายใต้เงื่อนไขและข้อกำหนดทางกฎหมาย รูปแบบขอบเขตอาคารที่ต้องการ เช่น รูปแบบตัวแอล (L Shape) รูปแบบตัวไอ (I Shape) ออกมาเป็นภาพจำลอง 3 มิติให้เห็นพื้นที่ ขนาด และความสูงของอาคาร รวมไปถึงพื้นที่ใช้สอยภายในอาคาร และสร้างรายงานสรุปข้อมูลและจำลองอาคาร 3 มิติให้แบบอัตโนมัติ
ระบบการออกแบบอาคารร่วมกับเทคโนโลยี CAD และ BIM (GIS Integrate with CAD and BIM) มี Plugin ที่ช่วยในการเขียนแบบด้วยเทคโนโลยี CAD (Computer Aided Design) หรือการใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบเกี่ยวกับอาคาร รวมไปถึงส่วนประกอบอาคารหรือระบบวิศวกรรม รวมทั้งสนับสนุนการทำงานเชิงพื้นที่ร่วมกับโมเดล BIM (Building Information Modeling ) หรือการจำลองข้อมูลต่าง ๆของอาคาร ไม่ว่าจะเป็นโมเดลอาคารเพื่อการก่อสร้าง หรือแม้แต่ข้อมูลระบบสาธารณูปโภคอาคาร เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถวิเคราะห์เชิงพื้นที่ และสนับสนุนการทำงานภาคสนามร่วมกับข้อมูลอาคารที่มีความถูกต้องสูงด้วยเทคโนโลยี CAD และ BIM
ระบบการบริหารจัดการพื้นที่ภายในอาคาร (Property Management) อำนวยความสะดวกในการจัดการและดูแลพื้นที่ระหว่างเจ้าของโครงการและผู้เช่าอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การเรียกดูข้อมูลพื้นที่ ติดตามปริมาณความหนาแน่นของการใช้งานพื้นที่ อัปเดตสถานะการเช่าพื้นที่ จัดเก็บสัญญาเช่า รวมไปถึงแอพพลิเคชั่นเพื่อผู้เช่าในการแจ้งปัญหาการใช้งานอาคาร ไปจนถึงการแจกจ่ายงานให้ผู้รับผิดชอบ และสรุปภาพรวมการดำเนินงานต่าง ๆ ในโครงการแบบ real-time ในรูปแบบ Interactive Dashboard
อย่างไรก็ดีจาก cast study ของ JLL ในประเทศออสเตรเลีย ผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์และด้านการจัดการการลงทุนและให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์เพียงรายเดียวของออสเตรเลีย ได้ใช้เทคโนโลยี ArcGIS รวบรวมข้อมูลจำนวนมหาศาลในการวิเคราะห์เชิงพื้นที่ ช่วยตั้งแต่การวิเคราะห์หาปัจจัยต่อพื้นที่ศักยภาพในการลงทุน ไปจนถึงการสร้างแบบจำลองพื้นที่และอาคารแบบ Interactive 3D ให้เห็นพื้นที่ ขนาด และความสูงของอาคาร และพื้นที่ใช้สอยภายในอาคาร สนับสนุนการบริหารจัดการพื้นที่ภายในอาคาร อำนวยความสะดวกในการจัดการและดูแลพื้นที่ระหว่างเจ้าของโครงการและผู้เช่าอย่างเป็นระบบ จากการใช้งานทำให้เจ้าของธุรกิจและลูกค้าสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยในประเทศไทย กลุ่มเป้าหมายที่สามารถนำ ArcGIS แพลตฟอร์มไปเป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ ได้แก่ กลุ่ม Developer จัดหาที่ดิน ซื้อขายที่ดิน กลุ่ม Residential บริหารจัดการอาคาร เช่น นิติ Campus มหาวิทยาลัยต่าง ๆ หรือ กลุ่มแบ่งพื้นที่ให้เช่า เช่น นิคมอุตสาหกรรม หรือพวกห้าง อาคารสำนักงานให้เช่ากลุ่ม REIT โบรคเกอร์ ตัวกลางหรือนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่ม Service Provider บริษัทประเมินทรัพย์สินต่าง ๆ