กรุงเทพฯ--21 พ.ค.--จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก
อีสท์ วอเตอร์ เดินหน้าสร้างความมั่นใจมีน้ำเพียงพอต่อความต้องการใช้ในภาคอุตสาหกรรม เตรียมมาตรการต่างๆ เพื่อรองรับการบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมเสนอให้บริการน้ำครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC
นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ เปิดเผยว่า จากการคาดการณ์ของศูนย์พยากรณ์ต่างๆ คาดว่าในปี 2562 ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญกำลังอ่อนต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงเดือนสิงหาคม 2562 ส่งผลให้ประเทศไทยมีอุณหภูมิสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงดังกล่าว และมีปริมาณฝนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ 10-30 จากนั้นอุณหภูมิและปริมาณฝนจะกลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ยต่อไป
ทางอีสท์ วอเตอร์ ได้เตรียมมาตรการต่างๆ ได้แก่ การปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบสูบน้ำในทุกพื้นที่ การเพิ่มประสิทธิภาพการสูบผันน้ำข้ามพื้นที่ และการเตรียมน้ำดิบจากบ่อดินเอกชนเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้ใช้น้ำทุกภาคส่วนมีน้ำใช้อย่างพอเพียง โดยปัจจุบันจากการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบและบูรณาการแบบอีสท์วอเตอร์โมเดล ที่ได้พัฒนาระบบท่อส่งน้ำดิบด้วย Water Grid เชื่อมโยงแหล่งน้ำสำคัญในภาคตะวันออกกว่า 491.8 กม. ทำให้ภาคตะวันออกมีน้ำใช้อย่างเพียงพอกับความต้องการของทุกภาคส่วน
นอกจากนี้อีสท์ วอเตอร์ยังได้จัดประชุม วอเตอร์วอร์รูม (Water War Room) หรือศูนย์ปฏิบัติการน้ำภาคตะวันออก เพื่อรายงานสถานการณ์น้ำภาคตะวันออกในพื้นที่จังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และจัดทำแผนป้องกันปัญหาภัยแล้ง โดยมีแผนการสำรองน้ำกรณีเกิดภัยแล้ง อันได้แก่ การสูบผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์-คลองใหญ่ การสูบผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแสร์-หนองปลาไหล การจัดหาแหล่งน้ำดิบสำรองจากบ่อดินเอกชน เป็นต้น โดยมีการประสานงานกับกรมชลประทานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเกิดประโยชน์สูงสุดทั้งการจัดการปริมาณน้ำให้เพียงพอ และการจัดการตุ้นทุนให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด
ในส่วนของนโยบายเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ในบริเวณ 3 จังหวัดพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ได้แก่ จังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำดิบและน้ำประปาของบริษัทในระยะยาวมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น จากการสำรวจความต้องการของผู้ประกอบการรายใหม่ และรายเดิมที่มีแผนการขยายกำลังการผลิต พบว่าความต้องการบริการน้ำครบวงจร อันได้แก่ น้ำดิบ น้ำอุตสาหกรรม การบำบัดน้ำเสีย และการ Recycle มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีสท์ วอเตอร์จึงมุ่งเน้นการขยายธุรกิจน้ำครบวงจรซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและนโยบายของรัฐบาลในโครงการ EEC ซึ่งปัจจุบันได้รับความสนใจจากลูกค้าหลายราย นอกเหนือจากนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ โรงไฟฟ้า Gulf ปลวกแดง ซึ่งได้ลงนามในสัญญาซื้อขายน้ำอุตสาหกรรมแล้ว ยังมีนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอื่นๆ รวมทั้งลูกค้าที่อยู่นอกพื้นที่ EEC ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างนำเสนอการให้บริการน้ำครบวงจร
จากการวิเคราะห์อุตสาหกรรมน้ำครบวงจรพบว่ามีการแข่งขันสูง ซึ่งทางอีสท์ วอเตอร์ ได้ใช้กลยุทธ์การตลาดเชิงรุก กลยุทธ์การวิจัยและพัฒนา และกลยุทธ์การพัฒนาประสิทธิภาพและความเชี่ยวชาญของบุคลากรน้ำครบวงจร เพื่อสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์น้ำครบวงจรแก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยมีมาตรฐานและเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจนเป็นที่ยอมรับตลอดจนราคาที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดน้ำครบวงจรได้เป็นอย่างดี