กรุงเทพฯ--21 พ.ค.--แมสคอท คอมมิวนิเคชัน
สสว.จัดกิจกรรมอบรมและเสวนาในหัวข้อ "สร้างโอกาสทางการค้าในตะวันออกกลางตามแบบฉบับ SMEs ไทย" ภายใต้งานพัฒนาองค์ความรู้สำหรับ SME (Knowledge Center) เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการให้ได้รับข้อมูล องค์ความรู้ และสาระต่างๆ ที่สำคัญ และจำเป็นสำหรับการนำไปพัฒนาต่อยอดธุรกิจต่อไปในอนาคต วันอังคารที่ 21 พฤษภาคม 2562 เวลา 13.00-16.00 ณ ห้องอิมพีเรียล บอลรูม ชั้น 2 โรงแรม ดิเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่
ดร. เพชรมณี ดาวเวียง รองผู้อำนวยการ ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจ SMEs ปฏิบัติงานช่วยควบคุม กำกับ ศูนย์ให้บริการ SMEs ครบวงจร (OSS) กล่าวว่า สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในฐานะหน่วยงานหลักในการดำเนินงานพัฒนา ส่งเสริม และสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ได้จัดกิจกรรมอบรมและเสวนา ในหัวข้อ "สร้างโอกาสทางการค้า ในตะวันออกกลางตามแบบฉบับ SMEs ไทย" ภายใต้งานพัฒนาองค์ความรู้สำหรับ SME (Knowledge Center) เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการให้ได้รับข้อมูล องค์ความรู้ และสาระ ต่าง ๆ ที่สำคัญและจำเป็นสำหรับการนำไปพัฒนาต่อยอดธุรกิจต่อไป เป็นผู้กล่าวเปิดงานและร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์พร้อมเสริมองค์ความรู้ให้ผู้ประกอบการได้เห็นภาพของการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ ทั้งนี้ ตลาดการค้าในประเทศแถบตะวันออกกลาง ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีกำลังซื้อสูง อันเนื่องมาจากประชากรที่กำลังขยายตัว โดยในจำนวนนี้เป็นกลุ่มคนที่อยู่ในวัยทำงานจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับธุรกิจต่างๆ เช่น ธุรกิจก่อสร้าง ที่อยู่อาศัย หรือแม้แต่สินค้าอุปโภคบริโภคจากประเทศไทยก็ได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก ในการจัดสัมมนาครั้งนี้ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทยจะได้เรียนรู้ และนำข้อมูลความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้สินค้าไทยสามารถตอบโจทย์กับกลุ่มตลาดเป้าหมายซึ่งเป็นชาวอาหรับให้ได้มากที่สุด และนับเป็นการเปิดตลาดสินค้าเอสเอ็มอีไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น พร้อมทั้งการเจรจาซื้อขายสินค้า และการบรรลุข้อตกลงในการเป็นตัวกลางให้กับผู้ประกอบการทำการค้าขายระหว่างกันได้อย่างเป็นรูปธรรม การนำเอาสื่อต่างๆ อาทิ Facebook Website หรือ Email ในการโปรโมทสินค้า หรือสร้างการรับรู้ในตัวสินค้า ให้เกิดความน่าสนใจ จนเกิดการอยากซื้อ อยากเห็นสินค้าของจริง นำไปสู่การเลือกดูและซื้อขายสินค้าผ่านหน้าร้านค้าออฟไลน์ในที่สุด
อัครวุฒิ ตั้งศิริกุศลวงศ์ นายกสมาคมการค้าผู้ส่งออกเอเชียและตะวันออก (AMEE) ประธานกรรมการบริหาร (CEO) บริษัท เวก้า อินเตอร์เทรด แอนด์ เอ็กซิบิชั่นส์ (ดูไบ) ผู้บุกเบิกและผู้เชี่ยวชาญตลาดการค้าในภูมิภาคตะวันออกกลาง กล่าวว่า การเตรียมนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากงานสัมมนานี้ไปต่อยอดเปิดการค้ากับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมทั้งประเทศในตะวันออกกลางที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงถือเป็นความท้าทายของผู้ประกอบการ ยกตัวอย่างเช่น ประเภทของสินค้ารวมถึงวัตถุดิบที่เลือกส่งออกก็นับเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ผู้ส่งออกไทยควรคำนึงถึง อาทิ สินค้าและวัตถุดิบที่มีอายุสั้น เช่น ผักและผลไม้ สินค้าที่มีศักยภาพในการแข่งขัน หรือ สิ่งประดิษฐ์ งานฝีมือที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย เป็นต้น เหล่านี้ต้องพิจารณาถึงการทำตลาด กลยุทธ์การนำเข้า ส่งออก มาตรการการทางภาษีจากทั้งฝั่งผู้ประกอบการอาหรับ และฝั่งของผู้ประกอบการจากประเทศไทย และการเข้าใจธรรมเนียมปฏิบัติของชาวอาหรับ ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ประเพณี ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่นำไปสู่ความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจกับประเทศแถบตะวันออกกลางได้
ทั้งนี้ การเข้าสู่ตลาดตะวันออกกลางนั้น มีหลากหลายวิธี ตลาดเดิมที่นำสินค้าไปแสดงก็ยังสามารถมัดใจชาวอาหรับได้เป็นอย่างดี เนื่องจากการได้สัมผัสจริง ทั้งนี้การตลาดออนไลน์ สามารถช่วยให้สินค้าเป็นที่รู้จักได้รวดเร็วและเป็นเครื่องมือในการเข้าสู่ตลาดอีกประเภทหนึ่ง เป็นที่ประจักษ์ว่า ผู้ประกอบการที่อยู่ในระยะเริ่มต้นสร้างแบรนด์และกำลังวางแผนการตลาดอยู่นั้น ควรพิจารณาการทำการตลาดทั้ง 2 รูปแบบ คือ Online Marketing และ Offline Marketing ซึ่งการทำการตลาดทั้ง 2 แบบนี้ ได้เข้ามามีบทบาทในธุรกิจมากยิ่งขึ้น Online Marketing หรือที่เรียกว่า Digital Marketing เป็นการทำการตลาดรูปแบบหนึ่ง ที่ใช้หลักการของ Marketing พร้อมนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วย เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคหรือลูกค้ามากยิ่งขึ้น ขณะที่ช่องทาง Offline แม้จะเป็นช่องทางการสื่อสารที่มีมาแต่เดิม แต่ความมีเสน่ห์ไม่ได้หมดไป ซึ่งชาวอาหรับส่วนหนึ่งนิยมเสพสื่อออฟไลน์เป็นหลัก มักชอบเลือกดู เลือกจับสินค้าจริงผ่านหน้าร้านก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อ