กรุงเทพฯ--23 พ.ค.--โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์
WeWork—แพลตฟอร์มสำหรับนักสร้างสรรค์ซึ่งมอบพื้นที่ ชุมชนและบริการเพื่อช่วยให้ผู้คนใช้ชีวิตไม่ใช่เพียงแค่ทำงานแถลงข่าวการเข้าสู่ตลาดไทยอย่างเป็นทางการในวันนี้ พร้อมเปิดตัว WeWork Labs ในประเทศไทย และสองโลเคชั่นแรกที่อาคารเอเชียเซ็นเตอร์ (Asia Centre) ถนนสาทร และอาคารทีวัน (T-One) ถนนสุขุมวิท กรุงเทพมหานคร
ด้วยจุดแข็งที่มีจากความต้องการของลูกค้าทั้งธุรกิจใหญ่ และธุรกิจขนาดไมโคร ขนาดย่อมและขนาดกลางในการเข้าร่วมชุมชนสตาร์ทอัพของ WeWork เราเริ่มธุรกิจในประเทศไทยเป็นครั้งแรกที่สาทร ซึ่งเป็นย่านธุรกิจสำคัญในกรุงเทพฯ ณ อาคารเอเชียเซ็นเตอร์ ตามด้วย WeWork บนอาคารทีวัน ทองหล่อ ซึ่งเป็นย่านที่ทันสมัยและสร้างสรรค์ที่สุดแห่งหนึ่ง โดยที่เอเชียเซ็นเตอร์นั้น WeWork มีพื้นที่ทั้งหมด 5 ชั้นเพื่อต้อนรับสมาชิกจำนวน 1,200 คน ในขณะที่ WeWork ที่อาคารทีวันมีพื้นที่ 7 ชั้นสำหรับสมาชิก 1,700 คน
"ในขณะที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่การพัฒนาเศรษฐกิจในเฟสใหม่ที่อยู่บนรากฐานของการเปลี่ยนแปลงไปสู่การใช้เทคโนโลยี WeWork มีความมุ่งมั่นในการเป็นพันธมิตรกับประเทศไทยเพื่อการบรรลุเป้าหมายทางเศรษฐกิจ "ประเทศไทย 4.0" ด้วยการเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนโฉมตลาดระดับกลางด้วยการปรับใช้นวัตกรรมมากขึ้นในการเพิ่มประสิทธิภาพ" นายทูโรฮาส "ที" ฟูวาด กรรมการผู้จัดการใหญ่กล่าว "ในขณะที่เราขยายธุรกิจออกไปมากขึ้นเราเห็นศักยภาพมหาศาลในการตอบความต้องการของลูกค้าธุรกิจขนาดไมโคร ขนาดเล็กและขนาดกลาง ไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ที่จัดอันดับโดยฟอร์จูน 500 ที่มองมายังเราในการหาโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพสำหรับพื้นที่ที่มีความยืดหยุ่นและมีคุณภาพสูงควบคู่ไปกับการช่วยเร่งการเติบโตของธุรกิจในอีโคซิสเต็มไทยที่ขับเคลื่อนด้วยเครือข่ายระดับโลก"
ในขณะเดียวกัน WeWork Labs แพลตฟอร์มด้านวัตกรรมของ WeWork ที่เน้นการเติบโตของสตาร์ทอัพในระยะเริ่มแรกและขับเคลื่อนนวัตกรรมของภาคเอกชนได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยที่อาคารเอเชียเซ็นเตอร์ ซึ่งจะเริ่มสร้างจุดยืนอันเป็นเอกลักษณ์ในการเชื่อมโยงชุมชน WeWork ทั้งสองแห่งสำหรับบริษัทที่ต้องการสร้างสรรค์นวัตกรรมและสตาร์ทอัพในระยะเริ่มแรกที่กำลังมองหาแนวทางการเจริญเติบโตและสร้างธุรกิจให้มั่นคง
"ในขณะที่เรากำลังพัฒนาและสรรสร้างขุมพลังใหม่เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยนวัตกรรม เราพบว่าสตาร์ทอัพในเมืองไทยต้องการโอกาสใหม่ๆ ทั้งในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และระดับโลก เพื่อดึงดูดการลงทุนและเปิดตลาดใหม่ๆ" ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า "ด้วยความเชี่ยวชาญของ WeWork Labs ในการพัฒนาขีดความสามารถและเร่งการเติบโตของสตาร์ทอัพและธุรกิจด้านนวัตกรรม เรามั่นใจว่าการเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดระหว่าง NIA และ WeWork จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ระบบนิเวศนวัตกรรมในประเทศไทย"
การเปิดตัวทั้งสองโครงการนี้เป็นการฉลองก้าวที่สำคัญของ WeWork ในการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในไทยบนจุดแข็งด้านเครือข่ายระดับโลกในขณะที่สนับสนุนสตาร์ทอัพในระยะแรกเริ่ม และธุรกิจที่ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในวงการ การเข้าสู่ตลาดในศูนย์กลางของกรุงเทพจะทำให้ย่านธุรกิจนี้เชื่อมโยงกับศูนย์กลางนวัตกรรมและชุมชนสร้างสรรค์ได้มากขึ้น ตามความตั้งใจของ WeWork ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมาย "ประเทศไทย 4.0"
ประสานความเชี่ยวชาญของ WeWork ในด้านการออกแบบ เทคโนโลยี และชุมชนเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้สมาชิกในประเทศและระดับภูมิภาค
การเข้าสู่กรุงเทพฯ ภายใต้แผนการขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทำให้ WeWork มีพื้นที่รวม 19 แห่งและสมาชิกกว่า 13,000 คนทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพียงแค่หนึ่งปีที่ผ่านมา การเข้ามาสู่ตลาดในประเทศไทยของ WeWork เป็นครั้งแรกนี้เป็นการยืนยันถึงกลยุทธ์ใหญ่ของ WeWork ในระดับภูมิภาคทั้งที่สิงคโปร์ โฮจิมินห์ซิตี้ มะนิลา จาการ์ตา และกัวลาลัมเปอร์
WeWork ณ อาคารเอเชียเซ็นเตอร์และอาคารทีวันตั้งอยู่ท่ามกลางสถานที่ที่ผู้คนทำงานและพักผ่อนในใจกลางกรุงเทพฯ และเป็นพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของ WeWork ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พื้นที่ทั้งสองแห่งพร้อมต้อนรับสมาชิกทั้งที่เป็นบริษัทระดับโลก วิสาหกิจขนาดกลางและย่อม สตาร์ทอัพ และคนทำงานอิสระ ตามความมุ่งมั่นของ WeWork ในการเชื่อมโยงผู้คนเข้าหากัน
ด้วยความยึดมั่นในพันธกิจของ WeWork ในการสนับสนุนสมาชิก WeWork กำลังเติบโตและเข้าสู่กรุงเทพฯ เพื่อเชื่อมโยงผู้คนเข้าหากันด้วยการออกแบบที่ชาญฉลาดที่พร้อมโอบอุ้มชุมชนและสร้างโอกาสให้กับสมาชิก ปัจจุบัน WeWork เอเชียเซ็นเตอร์เป็นที่ทำงานของสมาชิกในหลากหลายสาขา เช่น มีจีเนียส (MeGenius) ผู้พัฒนา AIYA (AI-Your Assistance) แชทบอทและระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM Chat bot) ในขณะที่ WeWork บนอาคารทีวันมีสมาชิกอย่างเช่น วงใน (Wongnai) ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มยอดนิยมบนโทรศัพท์มือถือด้านอาหารและไลฟสไตล์
"การเชื่อมโยงเข้ากับอีโคซิสเต็มของสตาร์ทอัพสำคัญต่อการเข้าสู่ตลาดอย่างรวดเร็วและความสำเร็จในระยะยาวของธุรกิจ การที่เราเลือกมาอยู่ที่ WeWork จึงเหมาะกับเรา เนื่องจากเรากำลังมองหาโอกาสในการเข้าถึงศูนย์กลางของอีโคซิสเต็มที่เข้มแข็งและกลุ่มคนเก่ง" คุณบอย อัจฉริยะ ดาโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง มีจีเนียส กล่าว "การได้อยู่ในชุมชน WeWork ยังทำให้เราติดต่อสื่อสารกับผู้ที่สนใจลงทุนและพันธมิตรทางธุรกิจซึ่งสำคัญต่อสตาร์ทอัพที่จะประสบความสำเร็จ และเราก็ได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากพื้นที่ที่สร้างความร่วมือของผู้คน"
"ในขณะที่เรากำลังทำให้ธุรกิจเติบโต เราก็มองการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแอปพลิเคชันของเราและมองหาพื้นที่ที่มีความคล่องตัวและอีโคซิสเต็มของผู้ประกอบการที่เข้มแข็งที่จะทำให้เราสร้างนวัตกรรมได้อย่างต่อเนื่อง" คุณยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งวงในกล่าว "เราเห็นว่าทีมของเราเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่มีพลวัต เราจึงเห็นความสำคัญของพื้นที่ที่เราจะเข้าไปทำงานว่าต้องเอื้อต่อการสร้างความร่วมมือในการทำงานที่ดีขึ้น และการที่เราได้เชื่อมต่อกับเครือข่ายทั่วโลกของ WeWork ทำให้เราได้เข้าถึงโอกาสที่มากขึ้น ซึ่งจะเร่งให้เราเติบโตสู่เป้าหมายได้เร็วขึ้น"
สร้างอีโคซิสเต็มของสตาร์ทอัพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตอบโจทย์ในการสร้างโอกาสและนวัตกรรมแก่สตาร์ทอัพในระยะเริ่มแรก ผู้ประกอบการ และธุรกิจทั่วโลก
WeWork Labs ที่เอเชียเซ็นเตอร์เพิ่มขีดความสามารถนวัตกรรมรุ่นใหม่ และมีศักยภาพในการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศสำหรับสตาร์ทอัพให้ดีขึ้นด้วย accelerators ห้องปฏิบัติการนวัตกรรมของธุรกิจ และพันธมิตรทางธุรกิจ
นอกจากบริการหลากหลายสำหรับนวัตกรรมทั้งที่ให้แก่สตาร์ทอัพที่เพิ่งเริ่มก่อตั้ง ผู้เร่งอัตราการเติบโตของธุรกิจ (accelerators) ผู้บ่มเพาะธุรกิจตั้งแต่เริ่มต้น (incubators) และกองทุนร่วมลงทุน (VCs) รวมถึงองค์กรขนาดใหญ่ WeWork Labs ยังมอบทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนธุรกิจของสตาร์ทอัพที่เพิ่งเริ่มก่อตั้งให้เติบโต WeWork Labs ยังเป็นพันธมิตรกับ accelerators และ incubators รวมทั้งกองทุนร่วมลงทุนเพื่อสร้างพันธมิตรที่จะช่วยขับเคลื่อนให้ธุรกิจสตาร์ทอัพไปสู่ความสำเร็จรวมทั้งสร้างชุมชนที่เข้มแข็งภายในอีโคซิสเต็มของสตาร์ทอัพ
"การที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เติบโตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน กรุงเทพฯ จึงเป็นโลเคชั่นที่สองของ WeWork Labs ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแสดงถึงสถานะของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมสำหรับนักธุรกิจในประเทศและทั่วโลกที่สามารถสร้างศักยภาพและโอกาสให้แก่ภูมิภาคท่ามกลางประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่มีความสำคัญมากขึ้น" นายเอเดรียน ทาน ผู้อำนวยการ Labs ของ WeWork ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าว "การมี WeWork Labs ทำให้เรายังคงมุ่งมั่นในการสร้างอีโคซิสเต็มในประเทศผ่านแพลตฟอร์มเพื่อช่วยส่งเสริมและปลดล็อคศักยภาพของสตาร์ทอัพในระยะเริ่มต้นด้วยการจัดหาทรัพยากรเชิงกลยุทธ์เพื่อนำธุรกิจและความคิดสร้างสรรค์ไปสู่ระดับโลก"
โดยความเชื่อมโยงกับการทำงานร่วมกันระหว่างองค์กรธุรกิจและสตาร์ทอัพ วิสาหกิจ บริษัท และบริษัทชั้นนำระดับฟอร์จูน 500 ในการพัฒนานวัตกรรมที่ตอบสนองต่อความท้าทายทางธุรกิจที่สำคัญสุด WeWork Labs มอบคุณค่ายิ่งไปกว่าพี้นที่ เราเป็นพลังระดับโลกที่สนับสนุนผู้ประกอบการและธุรกิจให้ทำงานบนพื้นฐานความคิดที่พลิกโฉมโลก
บนบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อสร้างความร่วมมือที่ได้ทำกับ Ngee Ann Polytechnic ประเทศสิงคโปร์ ณอาคารเอเชียเซ็นเตอร์ ในเดือนธันวาคม 2561 โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการฝึกงานด้านการประกอบการระดับโลกของสิงคโปร์ (Global Entrepreneurial Internship Program - GEIP) WeWork และสถาบันการศึกษาจะร่วมมือกันในด้านต่าง ๆ เช่น โครงการฝึกอบรมร่วมที่ออกแบบเฉพาะที่เตอบความต้องการของชุมชนในเมืองสำคัญๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ กรุงเทพฯ โฮจิมินห์ซิตี้ และจาการ์ตา
สำหรับพื้นที่แต่ละแห่งนั้นจะมีผู้จัดการ Labs ประจำเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานและผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมที่มุ่งเน้นความสำเร็จของสมาชิก โดยสมาชิกสามารถเข้าถึงทรัพยากรที่หลากหลาย ตั้งแต่การเสวนาโต๊ะกลม การบรรยายไปจนถึงการประชุมแบบตัวต่อตัวและอื่น ๆ อีกมากมายเพื่อความเข้าใจเรื่องการบัญชี การตลาด การจ้างงานและการนำเสนอให้แก่ผู้ลงทุนในอนาคต ในอนาคต WeWork Labs จะมุ่งสร้างโอกาสให้แก่พันธมิตร นักลงทุน และผู้ขายในประเทศเพื่อส่งเสริมการเติบโตด้านนวัตกรรมธุรกิจในอนาคตทั้งในระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลก
WeWork Economy ช่วยให้ผู้คนและธุรกิจเติบโต สร้างพลังของชุมชนในพื้นที่ และเร่งการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
WeWork ยังเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผู้คนและธุรกิจเพื่อให้ดำเนินการได้บรรลุตามวัตถุประสงค์ รวมทั้งสนับสนุนให้เกิดผลต่อเนื่องเชิงบวกต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ใกล้เคียงและเมืองต่าง ๆ ล่าสุด WeWork เพิ่งเปิดตัวรายงานผลต่อโลก ( Global Impact Report) เพื่อวัดผลทางเศรษฐกิจของชุมชนของเราใน 75 เมืองทั่วโลก
WeWork เชิญผู้คนใหม่ ๆ ธุรกิจ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจมาสู่พื้นที่ใกล้เคียง โดยร้อยละ 70 ของสมาชิก WeWork เป็นสมาชิกใหม่ของชุมชนในแต่ละโลเคชั่น และ 1 ใน 10 ได้ย้ายเข้ามาพักอาศัยใกล้ที่ตั้งของ WeWork นับตั้งแต่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก ซึ่งนับเป็นประโยชน์ทางธุรกิจที่มากขึ้นสำหรับร้านค้า ร้านกาแฟ ร้านอาหาร และผับในพื้นที่ใกล้เคียง
นอกจากเป็นตัวทวีคูณที่ทรงพลังทางเศรษฐกิจในเมืองแล้ว ยังเป็นตัวทวีคูณทางเศรษฐกิจโลกโดยเฉลี่ยทั่วโลกที่ 1.7 เท่า ซึ่งจะเพิ่มการใช้จ่ายและภาษีนับหลายล้าน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลในท้องถิ่นและในระดับรัฐ โดยธุรกิจของ WeWork ได้เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และสนับสนุน GDP ทั่วโลกเป็นมูลค่ากว่า 1.223 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 3.9 ล้านล้านบาท หรือเทียบเท่าขนาดของเศรษฐกิจในเมืองเช่น แวนคูเวอร์ ดับลิน หรือออสติน
การที่ WeWork เข้ามามีบทบาทในประเทศไทยไม่ว่าจะในด้านการทำงาน การใช้ชีวิต การศึกษา สุขภาพและการค้าปลีก เรามุ่งหวังที่จะสร้างจินตนาการใหม่ ปรับโฉมและปรับรูปแบบทางสถาปัตยกรรมเพื่อการออกแบบพื้นที่ อาคารและเมือง เพื่อสนับสนุนการเชื่อมโยงระหว่างผู้คนและความคิดสร้างสรรค์ในประเทศในขณะที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการเติบโต