กรุงเทพฯ--23 พ.ค.--ช ทวี
CHO มั่นใจผลงานปีนี้เทิร์นอะราวด์ เนื่องจากในไตรมาส 2/62 ยังคงรับรู้รายได้ส่งมอบรถเมล์ NGVครบ 489 คัน ผนวกกับมีรายได้จากค่าซ่อมบำรุงรถเมล์ NGV รุ่นใหม่ เข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสัญญาระยะยาว 10 ปี ช่วยหนุนรายได้เติบโตสม่ำเสมอ เสริมสภาพคล่องทางการเงินดีขึ้น คาดสัดส่วนหนี้สินต่อทุนลดลง จากนี้พร้อมเดินหน้าประมูลงานใหม่ ดันแบ็คล็อกขยับเพิ่มขึ้นจากที่มีในมือปัจจุบัน 2.97 พันล้านบาท และเตรียมขยายศูนย์ซ่อมบำรุง "สิบล้อ 24 ชม."เพิ่มอีก 2 แห่งในปี62
นาย สุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นทำให้มั่นใจว่าปีนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น เนื่องจากในไตรมาส2/62 จะรับรู้รายได้จากการส่งมอบรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงธรรมชาติ(NGV) ให้กับองค์กรขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)ได้ครบจำนวน 489 คัน
ทั้งนี้ ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัทฯได้รับเงินค่ารถครบตามสัญญาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้มีรายได้ในส่วนดังกล่าวเข้ามาแล้ว ขณะเดียวกันบริษัทฯจะมีรายได้จากค่าซ่อมบำรุงรถเมล์ NGVรุ่นใหม่ ซึ่งจะรับรู้ระยะยาว 10 ปี น่าจะช่วยสนับสนุนให้มีรายได้เติบโตสม่ำเสมอ
"ตอนนี้บริษัทฯกำลังกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยมีผลประกอบการดีขึ้น ขณะที่ฐานะการเงินจะแข็งแกร่งมากขึ้น จะเห็นได้จากผลประกอบการงวดไตรมาส1/62ออกมามีกำไรเพิ่มขึ้น 18% แตะระดับ 40 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับกำไรปี61 ทั้งปีมีกำไรสุทธิ 45.57 ล้านบาท และยังมี EBTIDA เพิ่มขึ้น 35% สะท้อนให้เห็นว่ามีเงินสดในมือเพิ่มขึ้น ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ จึงเป็นโอกาสที่จะทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนปีนี้ลดลงจากปีก่อน "
นายสุรเดช กล่าวต่อว่า ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการขยายศูนย์ซ่อมบำรุง "สิบล้อ 24 ชม." โดยปีนี้คาดว่าจะขยายเพิ่มอีก 2 แห่ง จากปัจจุบัน มีจำนวน 1 แห่ง ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี เนื่องจากเล็งเห็นถึงศักยภาพธุรกิจที่สร้างกระแสเงินสดต่อเนื่อง และมีอัตรากำไรขั้นต้นในระดับที่ดีอีกด้วย
นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือรอรับรู้รายได้อยู่ที่ 2.97 พันล้านบาท โดยมีแผนจะเดินหน้าเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆ ของภาครัฐ เช่น รถเช่าของ ขสมก.จำนวน 300 คัน หรือ เข้าร่วมกับพันธมิตรเพื่อร่วมประมูลงานรถเช่าของขมสก. จำนวน 400 คัน เป็นต้น
อนึ่ง ผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส1/62 บริษัทมีกำไรสุทธิ 40.11 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 18.21% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน และ กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 83.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% จากงวดเดียวกันปีก่อน รวมทั้ง EBITDA เท่ากับ 97.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากงวดเดียวกันปีก่อน เนื่องจากมีรายได้กลุ่มสินค้าออกแบบพิเศษในการประกอบลำเลียงอาหาร และสัดส่วนรายได้จากการบริการซ่อมบำรุงรถบรรทุกที่เพิ่มขึ้น