กรุงเทพฯ--24 พ.ค.--ซีพี ออลล์
"คุณวิลาส มณีวัต นักเขียนชื่อดังเล่าถึงสวนโมกข์ว่า เราคนไทยไม่ต้องเสียใจไปที่เราผลิตเครื่องบินโบอิ้งก็ไม่ได้ ผลิตคอมพิวเตอร์ก็ไม่ได้ ผลิตเครื่องจักรไอน้ำก็ไม่ได้ แต่เรามีสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น นั่นคือเมืองไทยมีคนอย่างท่านพุทธทาสภิกขุ" เป็นคำบรรยายธรรมตอนหนึ่งในหัวข้อ "โมกขธรรม" ของพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือท่านว.วชิรเมธี ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย และผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ จ.เชียงราย ในโครงการเรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ จัดโดยบมจ.ซีพี ออลล์ ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่นในประเทศไทย
พระมหาวุฒิชัยเล่าว่า สมัยเป็นสามเณรเมื่อได้อ่านงานเขียนดังกล่าวเกิดความอัศจรรย์ใจ และรู้สึกว่าพระธรรมโกศาจารย์ (เงื่อม อินทปัญโญ) หรือท่านพุทธทาสยิ่งใหญ่จริงๆ จึงตามอ่านหนังสือของท่าน เช่น ตามรอยพระอรหันต์, บรมธรรมฉบับย่อ, ตัวกูของกู, คู่มือมนุษย์ และพุทธทาสลิขิต ทำให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธานับถือเป็นครูบาอาจารย์
"ท่านสอนเรื่องตายก่อนตาย ท่านบอกว่าก่อนจะตาย ระวังให้ดี ต้องเรียนรู้ตกกะไดแล้วพลอยกระโจน ถ้าวางจิต วางใจ วางท่าทางให้ดี นาทีนี้จะบรรลุธรรมได้เลย และท่านเรียกกระบวนการเหล่านี้ว่าตายก่อนตาย"
ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัยบอกว่า เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาตั้งใจว่าถ้าไปสวนโมกข์ครั้งนี้อยากจะหาคำตอบว่า ในนาทีสุดท้าย ในชั่วโมงสุดท้ายของท่านพุทธทาสเป็นอย่างไร ซึ่งท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่ยูเนสโกยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกที่มีชื่อเสียงระดับเดียวกับซิกมันด์ ฟรอยด์ นักจิตวิทยาของโลก โดยพระสิงห์ทอง พระอุปฐากท่านพุทธทาส ถ่ายทอดให้ฟัง
ท่านพุทธทาสบอกว่า "ทอง เธอเอากุญแจออกจากกระเป๋าอังสะเราที เราไม่อยากตายคากุญแจ"นี่เป็นประโยคที่สำคัญมากๆ คำสอนคือ "สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ" สิ่งทั้งหลายทั้งปวง อันบุคคลไม่ควรยึดติดถือมั่น และกุญแจเป็นสัญลักษณ์ของความยึดติด ถือมั่น ซึ่งท่านมีกุญแจอยู่ดอกหนึ่ง เป็นกุญแจกุฏิ
ประโยคที่ท่านพุทธทาสพูดหมายความว่า จะขอปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งเป็นแก่นธรรมที่ท่านเพียรสอนมาทั้งชีวิตว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวงอันบุคคลไม่ควรยึดติดถือมั่น เพราะไม่มีอะไรเลยที่เป็นของเรา โลกนี้ที่เรามาเกิดเสมือนโรงแรมแห่งหนึ่ง มนุษย์ทุกคนเป็นเพียงแขก หรือนักท่องเที่ยวมาพักแรมในโลกนี้เพียงชั่วคราว แล้วต้องเดินทางต่อไป แต่ไม่ว่าจะอยู่ในโลกนี้กี่ปี เราทุกคนคืออาคันตุกะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้กินได้ใช้ ได้ยึดครองอยู่ทั้งหมด เป็นเพียงของขอยืมมาใช้ชั่วคราว วันหนึ่งจะต้องส่งคืนทั้งหมด
อย่างไรก็ตามยังมีคนจำนวนมากที่จากโลกนี้ไปแล้วมีวาระสุดท้ายที่ไม่สงบ เพราะปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น เย็นไม่ได้ ด้วยความยึดติดถือมั่นว่าสิ่งที่ฉันถือครองตอนยังมีชีวิตอยู่นั้นเป็นสมบัติของฉัน ดังนั้นท่านพุทธทาสจึงสอนเรื่องการปล่อยวาง สอนเรื่องการไม่ยึดติดถือมั่นมาตลอดชีวิต
วันหนึ่ง เราทุกคนจะตายกันหมด คิดถึงฉากสุดท้ายของตัวเองให้ดี คำที่จะพูดก็เตรียมไว้ ก่อนนาทีสุดท้ายจะวางวาย ฝึกปล่อยฝึกปลง เสียแต่เนิ่นๆท่านพุทธทาสไม่ใช่มาปล่อยเอาในนาทีสุดท้าย พอเข้าเขตอายุ80ท่านเริ่มฝึกโมกขธรรม ธรรมที่จะทำให้ท่านเป็นอิสระ หลุดพ้นจากความทุกข์ ความยึดติดถือมั่นบรรดามีทั้งหลาย
ท่านเริ่มไม่สนใจพระสูตรอื่นๆแล้ว บอกลูกศิษย์เอาเฉพาะพระสูตรเกี่ยวกับนิพพานเท่านั้นมาอ่านให้ฟัง ท่านเป็นนักปราชญ์ ท่านสอนให้เผชิญความตายอย่างแกล้วกล้า อาจหาญ และสง่างาม นี่คือการจากไปอย่างสง่างามของพระผู้สอนให้เราปล่อยวาง ตัวกู ของกู ตัวฉัน ของฉัน พระผู้สอนให้เราไม่ยึดติดถือมั่นในอัตตาหรือตัวตน ดังที่คุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ได้เขียนกวีถวายท่านไว้ว่า
"พุทธทาส"นามท่านปานขุนเขา ทว่าเบาสบายอย่างว่างน้ำหนัก และตัวตนของท่านนั้นใหญ่นัก ใหญ่ด้วยหลักให้สละละตัวตน
พระพุทธองค์นั้น เตือนชาวพุทธเตือนชาวโลกว่าความตายเป็นสิ่งซึ่งจะเกิดกับเราแน่นอน ดังนั้นไม่ควรจะกลัวตาย ตรงกันข้าม เราควรจะเตรียมตัวตาย ด้วยการตั้งใจใช้ชีวิตอย่างดีที่สุดโดยความไม่ประมาท แต่มีกี่คนที่ฟังพระพุทธเจ้า ท่านพุทธทาสนั้นฟังพระพุทธเจ้า จึงเตรียมตัวตายอย่างดีที่สุด
ทุกวันนี้เราทุกคนไม่เคยเรียนรู้ที่จะปล่อยวาง วันหนึ่งเราจะจากโลกนี้ไปในสภาพเป็นนักโทษของชีวิต เป็นนักโทษของโลกใบนี้ คือถูกตีตรวนด้วยความยึดติดถือมั่น แล้วเราก็ไปสู่โลกหน้าในสภาพที่แบกของหนัก แต่ถ้าเราเข้าใจว่าสรรพสิ่งคือของใช้ไม่มีอะไรเป็นของฉัน และชีวิตเป็นสิ่งชั่วคราว พอสัญญาณมรณะเตือนมา เราจะเริ่มปล่อย เริ่มปลงแล้ว อย่างที่โบราณเตือนไว้ว่า
"เมื่อเจ้ามามีอะไรมาด้วยเจ้า เจ้าจะเอาแต่สุขสนุกไฉน เมื่อเจ้ามาตัวเปล่าจะเอาอะไร เจ้าก็ไปตัวเปล่าเหมือนเจ้ามา"
ในกรณีที่ไม่กล้าปล่อย ไม่กล้าที่จะวางเหมือนท่านพุทธทาสภิกขุ มีอีกวิธีหนึ่ง จงวางหมากสุดท้ายของตัวเองให้งดงามและแยบยล เหมือนอย่าง"คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา" เจ้าของอาณาจักรคิงเพาเวอร์ ซึ่งก่อนจากโลกนี้ไป ได้วางหมากตัวสุดท้ายไว้อย่างงดงามมาก นั่นคือ ช่วง 5 ปีหลังได้พลิกตัวเองจากมหาเศรษฐีมาเป็นนักบุญ หันมารับผิดชอบต่อสังคมด้วยการบริจาคเงินอย่างมโหฬาร เช่น บริจาคให้โครงการคนละก้าวของตูน บอดี้สแลม 100 ล้าน วงการกีฬาทั้งโลกไว้อาลัยให้เขา งานพระราชทานเพลิงศพของเขาจัดอย่างยิ่งใหญ่ เขากลายเป็นชายที่เปลี่ยนความรวยเป็นความรัก
วันนี้มี 2 ทางให้เลือก 1.ก่อนวันสุดท้ายจะมาถึง เรียนรู้ที่จะฝืกตน ให้เป็นอิสระจากความยึดติด ถือมั่น ประดามีทั้งหมด จนกระทั่งว่าเมื่อนาทีสุดท้ายมาถึง จะจากโลกนี้ไปอย่างอิสระ เรียกว่า จากโลกนี้ไปอย่างมีโมกขธรรมคือมีธรรมแห่งความหลุดพ้นเป็นสมบัติชิ้นสุดท้าย ไปแบบโปร่ง โล่ง เบา สบาย สงบ สง่างาม
2.ถ้าภูมิรู้ ภูมิธรรม ไม่ถึงขั้นนั้น เพราะว่ายังมีห่วงยึดเหลือเกินก็วางหมากตาสุดท้ายให้งดงาม อย่าให้ใครเขาพูดลับหลังว่า น่าจะไปตั้งนานแล้ว
ขอให้เลือกว่าจะให้โลกจำเราแบบไหน แบบผู้ที่เป็นมีความยึดติดถือมั่น เป็นนักโทษของชีวิต นักโทษของโลกใบนี้ หรือจะจากไปแบบที่ทุกคนซาบซึ้งตรึงใจในฉากสุดท้ายของชีวิตเรา เป็นเส้นทางที่เราเลือกได้ และจงเลือกให้ดี
สำหรับผู้ที่สนใจข้อคิดดีๆ แบบนี้ สามารถเข้ารับฟังธรรมบรรยายกับโครงการ "เรายกวัดมาไว้ที่เซเว่นฯ" ได้ที่อาคารซีพี ทาวเวอร์ ชั้น 11 ถนนสีลม ทุกวันศุกร์ เวลา 12.00 – 13.30 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น