กรุงเทพฯ--27 พ.ค.--IR PLUS
ริชสปอร์ต หรือ RSP เดินหน้าตามแผนเพิ่มแบรนด์ใหม่ หลังเซ็นสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยและกัมพูชา กับบริษัท Barrel Company Limited จากประเทศเกาหลีใต้ เตรียมเปิดสาขาใหม่แบรนด์ "BARREL" ณ ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเวิลด์ และโรบินสัน เพื่อกระตุ้นยอดขาย พร้อมเจาะตลาดเน้นขายช่องทางออนไลน์ ผ่าน Lazada และ Shopee ดันยอดขายเพิ่ม "พาพิชญ์ วงศ์ไพฑูรย์ปิยะ" บอสหญิงคนเก่งประกาศผลงานไตรมาส 1/2562 มีรายได้ 335 ลบ. กำไรสุทธิ 51.6 ลบ. ประเมินภาพรวมทั้งปีรายได้โตได้ตามเป้าหมาย 10%
นางสาวพาพิชญ์ วงศ์ไพฑูรย์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ริช สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ RSP ผู้ได้รับสิทธิในการออกแบบ ผลิต รวมถึงการใช้ตราสินค้าในการขาย จัดจำหน่าย โฆษณาและประชาสัมพันธ์สินค้าภายใต้แบรนด์ Converse และ Pony แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย กัมพูชา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เปิดเผยถึงแผนธุรกิจในช่วงไตรมาส 2/2562 ว่า บริษัทมีแผนเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง หลังจากเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ได้มีการเซ็นสัญญาเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยและกัมพูชา กับบริษัท Barrel Company Limited จากประเทศเกาหลีใต้ โดยบริษัทได้เปิดสาขาภายใต้แบรนด์ใหม่ "BARREL" ที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเวิลด์ และโรบินสัน จังซีลอน ภูเก็ต ไปแล้ว และมีแผนที่จะขยายสาเพิ่มเติมอีก 4-5 สาขาภายในปีนี้
เบื้องต้นบริษัทคาดใช้เงินลงทุนเฉลี่ยที่ประมาณ 3-4 แสนบาทต่อสาขา ขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ช็อป ทั้งนี้ บริษัทคาดหวังว่าจากการขยายสาขาแบรนด์ใหม่ และการทำตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ อย่างต่อเนื่อง จะช่วยกระตุ้นยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง จะช่วยกระตุ้นยอดขายให้เติบโตต่อเนื่อง
"ปี 2562 บริษัทวางเป้ารายได้โต 10% จากปีก่อน และมุ่งเน้นการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางการขายผ่านออนไลน์มากขึ้น ซึ่งนับเป็นอีกช่องทางที่มีโอกาสเติบโตสูง โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายผ่านออนไลน์เพิ่มขึ้น 1-3% ของสัดส่วนรายได้จากการขายรวม" นางสาวพาพิชญ์ กล่าว
ในปีนี้บริษัทฯไม่มุ่งเน้นแผนสาขาใหม่เพิ่มมากนัก โดยแบรนด์ Converse และ Pony จะเปิดเพิ่มไม่เกิน 10 สาขา โดย ณ สิ้นปีไตรมาส 1/2562 บริษัทฯ มีสาขารวมกันทั้งสิ้น 193 สาขา แบ่งเป็น Converse 158 สาขา และ Pony 35 สาขา
สำหรับผลประกอบการในงวดไตรมาส 1/2562 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 335 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้ 335.3 ล้านบาท โดยบริษัทมีกำไรขั้นต้นรวม 192.6 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 57.5 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวมของบริษัท อยู่ที่ 139 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.9 เนื่องจากการเปิดสาขาใหม่เพิ่มขึ้นในระหว่างปี 2561 และการจัดกิจกรรมทางการตลาด ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิรวม 51.6 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15.4 ของรายได้รวม