กรุงเทพฯ--30 พ.ค.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
จะดีแค่ไหนถ้า "นม" ที่เด็กๆ ดื่มไม่เพียงแต่จะให้คุณค่าทางสารอาหารที่ช่วยทำให้ร่างกายเติบโตแข็งแรง แต่กลับช่วยลดปัญหาสุขภาพในช่องปาก เช่น ฟันผุ ได้ ซึ่งถือเป็นปัญหาสำคัญที่พบได้บ่อยในกลุ่มเด็กที่ชอบรับประทานขนมหวาน และแปรงฟันไม่สะอาดเพียงพอ และเพื่อเสริมสร้างสุขภาพช่องปากและฟันให้แข็งแรงกว่าที่เคยในโอกาสวันดื่มนมโลกนี้ จะขอพาไปทำความรู้จักกับนวัตกรรมนมป้องกันฟันผุ "แดรี่โฮม" เครื่องดื่มฟังก์ชั่น (Functional Drink) จากโพรไบโอติกสายพันธุ์คัดพิเศษ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ร่วมพัฒนาโดย บริษัท แดรี่โฮม จำกัด และคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานคนินทร์ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ต้องบอกเลยว่า เป็นมิติใหม่ในอุตสาหกรรมนมที่ใช้นวัตกรรมและผลงานวิจัยระดับเวิลด์คลาสมาช่วยในการแก้ปัญหาฟันผุหรือสุขภาพช่องปากของเด็กไทยและทั่วโลก ทั้งยังช่วยให้คุณค่าจากการดื่มนมสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะกระแสรักสุขภาพที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
สำหรับนวัตกรรมนมป้องกันฟันผุ เป็นการคัดเลือกจุลินทรีย์สายพันธุ์ที่มีต้นกำเนิดจากช่องปากของคน (Lactobacillus paracasei SD1) มาประยุกต์เป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพช่องปาก โดยมีคุณสมบัติทั้งการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อ Streptococcus Mutans และ Streptococcus Sobrinus แบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของฟันผุ อีกทั้งช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในน้ำลาย และควบคุมจำนวนเชื้อก่อโรคฟันประเภทต่างๆ ให้สามารถคงอยู่ในช่องปากเพื่อกำจัดแหล่งเชื้อฟันผุได้นาน พร้อมเกาะติดเยื่อบุผิวในช่องปากได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังสร้างกรดน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับจุลินทรีย์สายพันธุ์อื่นๆ ที่มีความสามารถในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียสาเหตุของฟันผุได้ในระดับที่เท่ากัน โดยนวัตกรรมดังกล่าวถือเป็นประโยชน์อย่างมากในทางสุขภาพช่องปากของคนไทย โดยเฉพาะลดการสูญเสียฟันก่อนวัยอันควรในกลุ่มเด็กเล็กและกลุ่มผู้สูงอายุ ทั้งยัง มีราคาถูกกว่าการนำเข้าผลิตภัณฑ์โพรไบโอติกจากต่างประเทศ สามารถพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น นมพร้อมดื่ม นมอัดเม็ด ลูกอม และนมผง เป็นต้น
นายพฤฒิ เกิดชูชื่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท แดรี่โฮม จำกัด เผยว่า ผลิตภัณฑ์นี้ถูกพัฒนานามาจากงานวิจัยของรองศาสตราจารย์ ดร.รวี เถียรไพศาล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยโรคที่พบบ่อยในช่องปากและวิทยาการระบาด คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยงานวิจัยดังกล่าวเป็นการศึกษาความชุกของโรคฟันผุในเด็ก ที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา พบว่ามีเด็กจำนวนประมาณร้อยละ 15 ที่ฟันไม่ผุทั้งที่อยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกัน ซึ่งเมื่อทำการแยกเชื้อในปากของเด็กกลุ่มดังกล่าวพบว่ามีแบคทีเรียกลุ่มโพรไบโอติก ซึ่งมีฤทธิ์ในการควบคุมจำนวนแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของอาการ ฟันผุ เมื่อทางคณะอาจารย์ได้ทำการทดสอบในกลุ่มนักเรียนในพื้นที่พบว่าสามารถที่จะควบคุมอัตราการเกิดโรคฟันผุได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และด้วยเหตุนี้ทางบริษัท แดรี่โฮม จำกัด จึงได้สนใจในการรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีดังกล่าวมาพัฒนาเป็น ผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตพร้อมดื่มที่มีโปรไบโอติกซึ่งช่วยในการยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคฟันผุ โดยทางบริษัทฯ ไม่ได้มุ่งหวังจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในเชิงการค้าเท่านั้น แต่ยังมีการพัฒนาให้กลายเป็นโครงการเพื่อสังคมเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสามารถแพร่กระจายเข้าสู่ชุมชนและกลุ่มเด็กผู้ด้อยโอกาส และเนื่องจากว่าทางบริษัทฯ มีพื้นฐานในการประกอบธุรกิจทางด้านผลิตภัณฑ์นมไม่ว่าจะเป็นนมพร้อมดื่มหรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ และซึ่งในปัจจุบันมีการเติบโตที่ค่อนข้างสูง จึงทำให้บริษัท มีศักยภาพในการผลักดันให้โครงการ ดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นได้จริงและมีความยั่งยืน
นวัตกรรมดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นในรูปแบบผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตพร้อมดื่ม หรือนมเปรี้ยว เหมาะสำหรับผู้บริโภคทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กที่ฟันแท้กำลังเริ่มขึ้น (ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา – มัธยมศึกษาตอนต้น) โดยนอกจากจะให้ประโยชน์และคุณค่าในการเสริมแคลเซียมและป้องกันโรคในช่องปากแล้ว ยังมีคุณสมบัติในเรื่องของการรักษารากฟันตั้งแต่ยังเป็นฟันน้ำนม ช่วยในระบบการย่อยและการทำงานของลำไส้ ทั้งยังไม่ต้องเสี่ยงหรือกังวลกับภาวะโรคอ้วน เนื่องจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลอย่าง "มอลติทอล" มีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับ "ไซลิทอล" ที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในสินค้าจำพวกน้ำยาบ้วนปาก หมากฝรั่ง เม็ดอมลดกลิ่นปาก ฯลฯ จึงทำให้มั่นใจได้เลยว่าปลอดภัยและให้สุขภาพที่ดีอย่างแน่นอน
นายพฤฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า การพัฒนาผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตพร้อมดื่มเพียงอย่างเดียวอาจยังไม่ตอบโจทย์กับผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึงนัก เนื่องจากจะต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิที่เย็นเพื่อป้องกันและยืดอายุของผลิตภัณฑ์ให้มีความสดใหม่และมีรสชาติ ที่ดีตั้งแต่ต้นทางจนถึงมือผู้บริโภค ดังนั้น บริษัทจึงได้ต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์ประเภท "นมอัดเม็ด" เพื่อให้เกิดความสะดวกทั้งในการขนส่ง จัดเก็บ และอายุของสินค้าที่ยาวนานขึ้นกว่าเดิม ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับน้ำนมดิบแล้วยังช่วยทำให้เด็กไทย และผู้บริโภคหลายๆ วัยตระหนักถึงความสำคัญของการดื่มนมเพิ่มขึ้น
ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นหนึ่งในตัวอย่างนวัตกรรมเพื่อสังคมที่ช่วยแก้ปัญหาด้านการรักษาสุขภาพได้อย่างแท้จริง ซึ่งทำให้ทั้งกลุ่มคนในเมือง และระดับภูมิภาคสามารถเข้าถึงสินค้าและการบริการที่มีความสะดวกสบายและความเท่าเทียมมากขึ้น สำหรับในปี 2562 เป็นอีกหนึ่งปีที่ NIA มีความพยายามและมุ่งมั่นให้เกิดการนำนวัตกรรมเข้าไปช่วยเหลือประเด็นทางสังคมที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข โดยเฉพาะในกลุ่มจังหวัดยากจนอย่างเต็มที่ โดยจะมุ่งให้การสนับสนุนที่ครอบคลุมทั้งการสร้างธุรกิจนวัตกรรม การสร้างเครือข่ายนวัตกรรมเชิงสังคม เงินทุนสนับสนุน การบ่มเพาะตั้งแต่ระดับเริ่มต้น เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์หรือสาธิตนำร่องผลิตภัณฑ์ รวมทั้งกระบวนการที่เพิ่มมูลค่าในนวัตกรรมเชิงสังคม 9 ด้าน ได้แก่ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ความเชื่อมโยงระหว่าง อาหาร น้ำ และพลังงาน ภาครัฐและการศึกษา การเงิน การจ้างงาน และสวัสดิการสังคม เกษตรกรรมยั่งยืน ความเป็นเมือง สุขภาพ การท่องเที่ยวและวัฒนธรรม และการจัดการภัยพิบัติ
ในโอกาสครบรอบขวบปีที่ 10 ของการเป็นองค์การมหาชน NIA มุ่งเดินหน้าสู่การเป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมและสนับสนุนบริษัท องค์กร และหน่วยงานต่างๆ ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนระบบนวัตกรรมของประเทศ ผ่านกลไกและการประสานงานให้เกิดการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนในฐานะผู้ประสานระบบ (System Integrator) เพื่อให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการได้รับการสนับสนุนให้กับเยาวชน นักศึกษา ผู้ประกอบการ และผู้สนใจการพัฒนานวัตกรรมทุกระดับ
สำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียด และต้องการรับทุนสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจนวัตกรรม สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โทรศัพท์ 02-0175555 เว็บไซต์ www.nia.or.th หรือ facebook.com/niathailand