กรุงเทพฯ--31 พ.ค.--บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์
บีทีเอส กรุ๊ป มาตามนัดโชว์กำไรสุทธิจากรายการที่เกิดประจำ ปี 61/62 สูงถึง 3,248 ล้าน เติบโต 30% จากปีก่อนหน้า จากการขยายเครือข่ายระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนและการควบรวมกิจการในธุรกิจสื่อโฆษณา และรายได้รวมจากการดำเนินงาน ทะลุ 47,923 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดดกว่า 240% หรือโตเพิ่มขึ้น 33,821 ล้านบาทจากปีก่อนหน้าผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเป็นข้อพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าในการพัฒนาและก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ ของเรา รวมถึงการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ภายใต้ปีกของ บมจ.วีจีไอ โกลบอล มีเดีย ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของเรา
นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดเผยว่า "ผลการดำเนินงานในปีนี้ เกินกว่าเป้าที่บริษัทฯ ตั้งไว้" โดยเราคาดว่ากำไรสุทธิจากรายการที่เกิดขึ้นเป็นประจำเฉลี่ย 5 ปีข้างหน้าจะเติบโต 25% "เรายังเชื่อมั่นว่าจะเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปีหน้ากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยและภาษี (Operating EBITDA) จะเติบโต 25%" นายกวิน กล่าว
ธุรกิจสื่อโฆษณาของเรายังคงโชว์ผลประกอบการที่โดดเด่น โดย บมจ.วีจีไอ โกลบอล มีเดีย (VGI) สามารถสร้างสถิติรายได้ใหม่สูงสุดที่ 5,158 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นถึง 31% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ จำนวน 1,101 ล้านบาท โตขึ้น 30.1% จากปีก่อน นอกจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งตามธรรมชาติในทุกหน่วยธุรกิจแล้ว VGI ยังขยายการลงทุนสุทธิกว่า 11,000 ล้านบาท จากการเข้าลงทุน 18.6% ในบริษัทผู้ให้บริการสื่อโฆษณานอกบ้านชั้นนำของประเทศไทยอย่าง บมจ. แพลนบี มีเดีย (PlanB) รวมถึงการเข้าลงทุน 23.0% ในบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำที่ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจร
"ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและกำไรสุทธิที่เติบโตโดดเด่น ส่งผลให้คณะกรรมการของบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายประจำปี 61/62 ไม่เกิน 3,292.9 ล้านบาท หรือ 0.25 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงินปันผลจำนวนไม่เกิน 5,306.2 ล้านบาท นอกจากนี้ คณะกรรมการของบริษัทฯ ยังมีมติอนุมัติให้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิชุดใหม่ (BTS-W5) จำนวนไม่เกิน 1,319.6 พันล้านหน่วย จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตราจัดสรรที่ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 10 หุ้นสำมัญเดิม ที่ราคาการใช้สิทธิที่ 14.0 บาทต่อหุ้น ซึ่งเงินที่จะได้รับจากการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ BTS-W5 นี้จะนำมาใช้ในโครงการระบบขนส่งมวลชนใหม่ๆ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากเป้าการเติบโต 5 ปีที่เราตั้งไว้อีกด้วย ทั้งนี้ เงินปันผลและ BTS-W5 จะเสนอให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีวันที่ 22 ก.ค. นี้" นายกวินกล่าว
นาย ดาเนียล รอสส์ ผู้อำนวยการใหญ่สายการลงทุน เปิดเผยว่า "มูลค่าสินทรัพย์รวมของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 เติบโตขึ้น 36% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา นับเป็นบริษัทฯ ที่มีการขยายตัวของมูลค่าสินทรัพย์มากสุดเป็นอันดับ 2 ในดัชนี SET 50" โดยการเพิ่มขึ้นของมูลค่าสินทรัพย์นี้เป็นผลมาจากการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง รวมถึงส่วนต่อขยายสายสีเขียว ซึ่งจากโครงการดังกล่าวจะทำให้ระบบรถไฟฟ้า BTS ของเราขยายตัวเพิ่มขึ้น 3 เท่าในปี 2563 นอกจากนี้ นาย ดาเนียล รอสส์ ยังเปิดเผยอีกว่า "การขยายเครือข่ายระบบรถไฟฟ้าคือความมุ่งมั่นตั้งใจหลักของบริษัทฯ ที่อยากให้ประชาชนสามารถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างสะดวกและระบบรถไฟฟ้าของเรายังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย"
นอกจากนี้ การเปิดให้บริการส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้สายสุขุมวิทในเดือนธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา ได้ตอกย้ำให้เห็นว่า BTS เป็นหนึ่งในผู้นำการให้บริการระบบขนส่งทางรางของประเทศไทย และยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ ยังได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนของดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainable Index หรือ DJSI) ในกลุ่มดัชนีตลาดเกิดใหม่เมื่อเดือนกันยายน 2561
จากความมุ่งมั่นในการเติบโตแบบยั่งยืน BTS ได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม "Green Bond"เป็นรายแรกของประเทศไทยภายใต้หลักเกณฑ์ของสำนักคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในเดือนพฤษภาคม 2562 ทั้งนี้ การออกหุ้นกู้ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อลงทุนในโครงการระบบขนส่งมวลชนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยหุ้นกู้ชุดนี้ได้รับการรับรองจาก Climate Bonds Initiative (CBI) อีกด้วย
นอกจากโครงการต่างๆ ที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาแล้ว BTS ยังคงรุดหน้าพัฒนาต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง "ในปีนี้ บริษัทฯ จะมุ่งไปสู่การเป็นแนวหน้าในหลายๆ ด้าน รวมทั้งจะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพในการ
มองหาโอกาสใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นในระบบขนส่งมวลชน และโครงการโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ โดยพันธกิจหลักของเราคือการเป็นผู้นำและตอบโจทย์การยกระดับคุณภาพชีวิตของคนเมืองในกรุงเทพมหานครอย่างยั่งยืน และในขณะเดียวกัน เรายังคงมองหาโอกาสในการเพิ่มมูลค่าและให้ผลตอบแทนที่ยั่งยืนแก่ผู้ถือหุ้นของเราอีกด้วย" นาย กวิน กาญจนพาสน์ กล่าว