กรุงเทพฯ--4 มิ.ย.--เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น
"วี.แอล. เอ็นเตอร์ไพรส์" แย้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/62 ยังโตต่อเนื่อง หลังรับรู้รายได้จากเรือใหม่อีก 1 ลำ เล็งสิ้นปีนี้มีกองเรือทั้งหมด 13 ลำ หนุนเป้ารายได้ปี 62 โตกว่า 20% พร้อมทำอัตรากำไรสุทธิโตเกิน 10%
นางชุติภา กลิ่นสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี.แอล. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ VL เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/62 จะเติบโตกว่าในไตรมาส 1/62 ที่มีรายได้อยู่ที่ 185.73 ล้านบาท และเติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้อยู่ที่ 168.73ล้านบาท เนื่องจากมีเรือลำใหม่ VL.20 เข้ามาอีก 1 ลำ ที่มีน้ำหนักบรรทุกอยู่ที่ 5,578 เดทเวทตัน (DWT) และในวันที่ 1 เมษายน 2562 บริษัทได้เริ่มรับรู้รายได้จากเรือลำใหม่ VL.21 ทำให้ในช่วงไตรมาส 2/62 บริษัทมีการรับรู้รายได้จากกองเรือที่เพิ่มมากขึ้น
อีกทั้งในปัจจุบันบริษัทยังมีอัตราการให้บริการเรือทั้งสิ้น 100% โดยมีสัดส่วนกว่า 79% ของกองเรือ เป็นการให้บริการที่เป็นแบบสัญญาระยะยาว (Contract of Affreightment : COA) ทำให้รายได้ของบริษัทมีความมั่นคง ประกอบกับภาวะอุตสาหกรรม ซึ่งประมาณการใช้พลังงานในอนาคต สะท้อนให้เห็นว่าการใช้น้ำมันยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และประมาณการความต้องการใช้น้ำมันในอนาคตยังมีการเติบโต โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีปริมาณการผลิต และการบริโภคเติบโตขึ้น เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ และการบริโภคภาคเอกชน โดยเฉพาะการใช้ในภาคขนส่ง ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัท และยังสอดคล้องกับแผนธุรกิจที่มีการขยายกองเรือ เพื่อเพิ่มความสามารถการให้บริการตามการเติบโตของภาวะอุตสาหกรรม
พร้อมกันนี้ในปี 2562 บริษัทยังคาดว่าอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) จะอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 10% เติบโต จากปี 2561 ที่มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 8% ตามการเพิ่มขึ้นของรายได้ ประกอบกับอัตรากำไรขั้นต้นยังมีการปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากการควบคุมบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น
ดังนั้นบริษัทจึงคาดว่ารายได้ในปี 2562 จะเติบโตมากกว่า 20% จากปี 2561 ที่มีรายได้อยู่ที่ 695ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มจำนวนกองเรือที่มากขึ้น ส่งผลให้บริษัทคาดว่าในสิ้นปี 2562 จะมีกองเรืออยู่ทั้งสิ้น 13 ลำ โดยมีน้ำหนักบรรทุกอยู่ที่ 40,757 DWT
"บริษัทเพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) และบริษัทยังคงแผนการใช้เงินที่ได้จากการระดมทุน เพื่อลงทุนขยายกองเรือ พร้อมทั้งยังจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปซ่อมบำรุงตามแผน รวมถึงชำระคืนเงินกู้ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ทำให้ฐานะทางการเงินของบริษัทมีความแข็งแกร่งมากขึ้น อีกทั้งบริษัทยังมองหาเส้นทางการเดินเรือเส้นใหม่ เพื่อเสริมการเติบโตในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ"นางชุติภากล่าว