กรุงเทพฯ--11 มิ.ย.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยขานรับปัจจัยบวกทั้งต่างประเทศจากสหรัฐระงับเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก จีนรายงานตัวเลขส่งออกโต 7.7% และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ หลังมีรัฐบาลใหม่ ดังนั้นให้กรอบดัชนี 1,630-1,670 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นใหญ่ที่เข้าคำนวณดัชนี FTSE และหุ้น Theme EEC ส่วนด้านราคาทองคำแนะนำซื้อเก็งกำไรเมื่อผ่าน 1,330 ดอลลาร์ และตัดขาดทุน พร้อมกลับทิศทางมาเล่นฝั่ง short เมื่อราคาหลุด 1,325 ดอลลาร์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยเดินหน้าต่อขานรับ สหรัฐระงับการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทั้งหมดจากเม็กซิโกเนื่องจากสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้เกี่ยวกับประเด็นผู้อพยพ และจีนรายงานยอดส่งออกเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 7.7% เมื่อเทียบรายปี ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.7% ส่วนมูลค่าการค้าต่างประเทศของจีนในช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ เพิ่มขึ้น 4.1% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 12.1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 1.76 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) รวมทั้งคาดว่าจะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่หลังมีรัฐบาลใหม่ในเร็วๆนี้
ส่วนปัจจัยลบที่มีผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทย อาทิ โกลด์แมนแซคส์ปรับลดคาดการณ์ค่าเงินหยวนต่อดอลลาร์สหรัฐลงต่ำกว่า 7 หยวนต่อดอลลาร์ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปีภายในระยะ 3 เดือนนี้ กังวลสงครามการค้าอาจขยายสู่สงครามค่าเงิน และแนวโน้มตัวเลขเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวจากผลกระทบของสงครามการค้า และสัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP ซึ่งเป็นหนี้สินภาคประชาชนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะของประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกันเพื่อรองรับการก่อสร้างโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
นอกจากนี้ยังคงต้องจับตาในวันที่ 11 มิ.ย. สหรัฐ เปิดเผย ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค. วันที่ 12 มิ.ย. จีน เปิดเผย ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) สหรัฐ เปิดเผย อัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันที่ 13 มิ.ย. อียู เปิดเผย ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. สหรัฐ เปิดเผย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนพ.ค. และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์
ด้านนายสรรพกัณฑ์ ปัมทบริสุทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มเดินหน้าต่อหลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เป็นไปชัดเจนเป็นลำดับตามโรดแมพ คาดดัชนี SET จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,630-1,670 จุด ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้น OSP, NER, PR9, COM7 จะเข้าคำนวณดัชนี FTSE และหุ้นน่าลงทุน Theme EEC play : AMATA, WHA, WHAUP, WHART, EASTW, ATP30, ORI
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ผลการเจรจาระหว่างสหรัฐฯกับเม็กซิโกออกมาอย่างรวดเร็วและไม่ผิดจากที่ตลาดคาดไว้นัก ซึ่งเม็กซิโกเป็นฝ่ายยินยอมตามข้อเรียกร้องของสหรัฐฯเพื่อไม่ให้ถูกเก็บภาษีสินค้านำเข้า แต่ภาพรวมของสงครามการค้าโลกกลับเป็นบวกเพียงชั่วคราว เนื่องจากเป็นการตอกย้ำว่าสหรัฐฯภายใต้การตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สามารถใช้คำสั่งพิเศษในการระงับหรือเพิ่มเติมข้อพิพาทได้ เพื่อบีบบังคับให้คู่เจรจายอมตามเมื่อเข้าสู่โต๊ะเจรจา ซึ่งคู่ค้าสำคัญทั้งจีนและยุโรปต่างก็มีไพ่เด็ดหลายใบสำหรับใช้ต่อกรกับสหรัฐฯ จึงไม่น่าจะยอมถอยเร็วและตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเม็กซิโก ผลในระยะกลางถึงยาว คือ ภาวะสงครามการค้าจะยังคงอยู่ต่อไปจนกว่าฝั่งสหรัฐฯจะเลิกเล่นแง่กับประเทศต่าง ๆ
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐฯจาก 2 สำนักที่เพิ่งประกาศในสัปดาห์ที่แล้ว ต่างออกมาย่ำแย่ผิดคาดมาก ทำให้นักลงทุนมองเห็นโอกาสที่ธนาคารกลางจะส่งสัญญาณเตรียมปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น ส่งผลให้ข่าวที่ดูเหมือนเป็นปัจจัยลบทั้ง 2 ประการ กลับหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น เงินทุนระยะสั้นไหลกลับเข้าเก็งกำไรในตลาดหุ้น มีการปรับพอร์ตตราสารหนี้จากระยะยาวมาถือระยะสั้นมากขึ้น ราคาทองคำที่เพิ่งดีดขึ้นทดสอบบริเวณแนวต้านสำคัญที่ 1,350 ดอลลาร์ จึงดิ่งลงทันทีที่เปิดตลาดเช้าวันจันทร์
สำหรับการประเมินราคาทองคำทางเทคนิค ทิศทางจะเข้าสู่ขาลงเมื่อหลุดระดับ 1,327 ดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายมาทดสอบแนวรับบริเวณ 1,300 ดอลลาร์ แต่ถ้ายืนระยะที่ 1,327 ดอลลาร์ได้ การดีดกลับขึ้นไปจะมีแนวต้านอยู่ที่ 1,340 ดอลลาร์ และ 1,350 ดอลลาร์ตามลำดับ ซึ่งคาดว่าหากเกิดการรีบาวด์ ราคาจะยังไม่สามารถทะลุผ่านขึ้นไปยืนเหนือ 1,350 ดอลลาร์ ได้ภายในสัปดาห์นี้ แนะนำซื้อเก็งกำไรเมื่อผ่าน 1,330 ดอลลาร์ และตัดขาดทุน พร้อมกลับทิศทางมาเล่นฝั่ง short เมื่อราคาหลุด 1,325 ดอลลาร์