กรุงเทพฯ--11 มิ.ย.--มูลนิธิทีช ฟอร์ ไทยแลนด์
ผนึกกำลังพัฒนาศักยภาพครูไทย บริษัท เซอร์ทิส และมูลนิธิทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ ร่วมมือพัฒนาเครื่องมือเอไออัจฉริยะ Data and Impact Assessment, Monitoring, and Development System หรือ "DIAMONDS" เพื่อวิเคราะห์การเรียนรู้ของนักเรียนพร้อมสร้างข้อสอบ ตามตัวชี้วัด ช่วยลดภาระงานครูและสร้างห้องเรียนที่มีคุณภาพ นำร่องใช้งานกับนักเรียนกว่า 10,000 คน ครอบคลุม 29 โรงเรียน ทั่วประเทศ
คุณจรัล งามวิโรจน์เจริญ Chief Data Scientist & VP of Data Innovative Lab บริษัท เซอร์ทิส จำกัด ได้กล่าวถึงความร่วมมือในการ พัฒนาเครื่องมือ DIAMONDSในครั้งนี้ว่า "จุดเริ่มต้นของโครงการนี้มาจากความมุ่งมั่นของเซอร์ทิสที่จะใช้ความเชี่ยวชาญทางด้านข้อมูล (data) กับปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ (Artificial Intelligence: AI) ของเรามาสร้างให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมนอกเหนือจาก งานทางด้านธุรกิจ โดยในครั้งนี้เราได้พันธมิตรทางธุรกิจที่เข้าใจด้านการศึกษาอย่างมูลนิธิทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ และพนักงานของเราที่ ช่วยผลักดัน DIAMONDS ให้เป็นผลผลิตที่สร้างการเรียนรู้ของนักเรียนไทยให้ดีขึ้น โดยการใช้ข้อมูลมาสร้างข้อสอบที่เหมาะสม กับศักยภาพของนักเรียนแต่ละคน (Personalized test) เพื่อประเมินการเรียนรู้อย่างตรงจุดที่สุด โดยในอนาคตเราอยากเห็น ความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนกับองค์กรอื่นๆที่มีแนวคิดในการร่วมกันช่วยพัฒนาและเปลี่ยนแปลงให้การศึกษาของไทยดีขึ้น"
ทางด้านคุณวิชิตพล พลโภค CEO และผู้ก่อตั้งมูลนิธิทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ เสริมว่า "ความร่วมมือกับบริษัท เซอร์ทิส ในการพัฒนาคุณภาพ การสอนผ่านเทคโนโลยีเอไอเป็นตัวอย่างของการทำงานระหว่างบริษัทเอกชนและองค์กรเพื่อสังคมที่ทำงานเพื่อไปสู่เป้าหมายเดียวกันใน การขับเคลื่อนการศึกษาไทยให้มีคุณภาพ เรามองเห็นถึงความเป็นไปได้ของ DIAMONDS ในการต่อยอดไปสู่การสนับสนุนครู ทั่วประเทศไทย ผ่านการเริ่มต้นใช้งานใน 29 โรงเรียน ที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกแก่นักเรียนเกือบ 10,000 คน ภายใต้การดำเนินการ ของครูผู้นำการเปลี่ยนแปลงจากทีช ฟอร์ ไทยแลนด์"
โดยเครื่องมือ Data and Impact Assessment, Monitoring, and Development System หรือ DIAMONDS เป็นระบบวัดและประเมิน ผลการเรียนรู้ของนักเรียน ปัจจุบันระบบดังกล่าวประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วน ได้แก่
(1) การสร้างข้อสอบ ซึ่งทำหน้าที่สร้างข้อสอบตามตัวชี้วัดของหลักสูตรที่ผู้สอนต้องการวัด เพื่อวัดผลกระทบเชิงบวกที่เกิดขึ้นต่อ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ของนักเรียน และช่วยให้ผู้สอนสามารถเตรียมความพร้อมในการจัดการเรียนรู้สำหรับนักเรียนของตนได้อย่าง เหมาะสม
และ (2) การรายงานผล ซึ่งทำหน้าที่วิเคราะห์และรายงานผลการเรียนรู้ของนักเรียน รวมถึงจุดเด่นและจุดที่ต้องพัฒนาเพิ่มเติมสำหรับ นักเรียนเป็นรายบุคคลและโดยภาพรวม
โดยในอนาคตมีแผนที่จะพัฒนาระบบดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงการวัดและประเมินผลกระทบเชิงบวกที่มีต่อนักเรียนในด้านต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงการพัฒนาทักษะและลักษณะนิสัยที่จำเป็นของนักเรียนด้วย ซึ่งคาดหวังว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงปลายปีนี้ และพร้อมที่จะขยายผลไปสู่โรงเรียนและครูทั่วประเทศไทย เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกในวงกว้างต่อไป
ความเป็นมาของมูลนิธิทีช ฟอร์ ไทยแลนด์
มูลนิธิทีช ฟอร์ ไทยแลนด์ ก่อตั้งขึ้นในปี 2555 โดยมีวิสัยทัศน์ในการส่งเสริมการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเท่าเทียม เพื่อให้เด็กไทยทุกคนสามารถกำหนดชะตาชีวิตได้ด้วยตนเองผ่านการสร้างเครือข่ายผู้นำการเปลี่ยนแปลง ที่เข้าไปทำงานในบทบาทครูเป็นเวลา 2 ปี ร่วมกับโรงเรียนและชุมชนเพื่อพัฒนานักเรียนอย่างยั่งยืน
ช่วงเวลา 2 ปี จะเป็นประสบการณ์ที่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ จะได้เปลี่ยนแปลงและพัฒนาตนเองไปพร้อมกับนักเรียนและชุมชน หลังจากได้เข้าร่วมโครงการฯ เป็นเวลาครบ 2 ปีแล้ว พวกเขาจะเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อระบบและปัญหาการศึกษาไทย พร้อมมีส่วนลงมือแก้ไขพัฒนาร่วมกับชุมชนอย่างยั่งยืน ความตระหนักและเข้าใจในปัญหาดังกล่าวจะผลักดันให้พวกเขาร่วมกันสานต่อผลกระทบเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นส่วนหนึ่งของ "เครือข่ายผู้นำการเปลี่ยนแปลง" ที่ทำงานขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในภาคส่วนต่าง ๆ ของสังคมต่อไป
ปัจจุบัน โครงการผู้นำการเปลี่ยนแปลงได้ดำเนินการมาถึงรุ่นที่ 6 และมีศิษย์เก่าจากรุ่น 1 ถึงรุ่น 3 จำนวน 114 คน โดยมีครูผู้นำการเปลี่ยนแปลงรุ่นที่ 4 และ 5 ที่กำลังดำเนินการสอนอยู่ในโรงเรียนจำนวน 73 คน ทำงานใน 29 โรงเรียน ร่วมกับครูในพื้นที่ 333 คน และเข้าถึงนักเรียนกว่า 9500 คน ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร นครปฐม ลพบุรี กาญจนบุรี นครสวรรค์ และ เชียงใหม่
ความเป็นมาของบริษัท Sertis
บริษัท เซอร์ทิส จำกัด เป็นบริษัทให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลโซลูชั่นชั้นนำ ที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบปัญญา ประดิษฐ์ หรือ เอไอ และการจัดการข้อมูลที่พร้อมสนับสนุนประสิทธิภาพ การดำเนินงานของลูกค้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทฯ เริ่มดำเนินกิจการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557
ปัจจุบันมีเครือข่ายพันธมิตรที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลกที่แข็งแกร่ง อาทิ Google Microsoft และ AWS รวมถึงองค์กร ภาคเอกชนและหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐ โดยบริษัทฯมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านข้อมูลและจากหลากหลายสาขาอาชีพ ที่พร้อมสนับสนุนทุกความต้องการของลูกค้าอย่างรอบด้าน เพื่อยกระดับการดำเนินงานสู่กระบวนการทางธุรกิจที่ดียิ่งขึ้นในยุคดิจิทัล