กรุงเทพฯ--12 มิ.ย.--สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ภาคการเกษตรเป็นรากฐานของการสร้างความมั่นคงทางอาหารของประเทศและโลก เป็นแหล่งวัตถุดิบหรือต้นน้ำของอุตสาหกรรมต่าง ๆ การพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรจึงมีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 รัฐบาลได้พยายามอย่างยิ่งที่จะส่งเสริมและสนับสนุนให้เอสเอ็มอีกลายเป็นสมาร์ทเอสเอ็มอี (Smart SMEs) รวมทั้งพัฒนาให้เกษตรกรไทยเป็น Smart Farmer ตลอดจนภาคอุตสาหกรรมที่จะผลักดันให้กลายเป็นอุตสาหกรรมอัจฉริยะมากขึ้น โดยมีแนวทางการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปเป้าหมาย ที่มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยในปีงบประมาณ 2562 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ได้มุ่งมั่นขับเคลื่อนนโยบายอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปสู่การปฏิบัติ โดยการพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรให้สูงขึ้นด้วยการแปรรูป สินค้าเกษตรไปสู่การแปรรูปเกษตรอินทรีย์ รวมทั้งบริหารธุรกิจเอสเอ็มอีให้มีศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันผ่านแนวทางการอบรมให้ความรู้ ให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้ ยังมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ด้วยการส่งเสริมการต่อยอดงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพและมาตรฐานด้านความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล รวมถึงการส่งเสริมให้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต และสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การพัฒนาช่องทางการตลาดในระดับต่าง ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทางตลาดธุรกิจ ทั้งในรูปแบบออฟไลน์ เช่น การทดสอบตลาดในและต่างประเทศ การจัดงานแสดงและจำหน่ายสินค้า รวมถึงการจับคู่ธุรกิจออนไลน์ผ่านช่องทางดิจิทัลแพลตฟอร์มของ กสอ. อย่างเช่น T-Good Tech รวมถึงช่องทางออนไลน์อื่น ๆ เช่น อาลีบาบา ลาซาด้า อเมซอน เคพลัส เป็นต้น ขณะเดียวกัน กสอ. ยังส่งเสริมให้ผู้ประกอบการนำระบบเทคโนโลยีสารสรเทศและนวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้ในกระบวนการด้านโลจิสติกส์ เพื่อรองรับยอดสั่งซื้อที่มาจากตลาดออนไลน์ ตั้งแต่การวิเคราะห์ต้นทุน พยากรณ์ความต้องการของลูกค้า ปริมาณการจัดหาวัตถุดิบ การนำระบบไอทีมาใช้ควบคุมการผลิต การจัดระบบคลังสินค้าและการใช้ระบบบริหารจัดการขนส่ง (Transportation Management System: TMS) ซึ่งเป็นการนำข้อมูลการจราจร สภาพอากาศ และความต้องการของลูกค้า มากำหนดเส้นทางโดยใช้ต้นทุนต่ำที่สุด
"กสอ. มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการในการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต ควบคุมคุณภาพ ลดความสูญเปล่า เพื่อลดต้นทุนการผลิต เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการอบรมให้ความรู้ คำแนะนำ ควบคู่กับการส่งเสริมด้านการตลาดและการบริหารจัดการ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จะช่วยให้อุตสาหกรรมการเกษตรของไทยสามารถปรับตัวและสามารถในการแข่งขันได้ในระดับสากล" นายกอบชัยกล่าว
ด้าน นายพฤฒิ เกิดชูชื่น กรรมการผู้จัดการบริษัท แดรี่โฮม จำกัด กล่าวว่า บริษัท แดรี่โฮม ได้ดำเนินกิจการผลิตนมอินทรีย์มานานกว่า 20 ปี โดยมีเพียงฝ่ายผลิตและฝ่ายขาย แต่ไม่เคยให้ความสำคัญกับการตลาด แต่เมื่อได้เข้าร่วมโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและบริหารธุรกิจอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป ของ กสอ. ซึ่งได้รับคำปรึกษาคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ทำให้เข้าใจกระบวนการบริหารจัดการ ทั้งด้านการผลิตจนมีการปรับปรุงไลน์การผลิต ทำให้มีของเสียน้อยลง ช่วยลดต้นทุนการผลิตและในส่วนของการตลาดได้มีผู้เชี่ยวชาญมาอบรมให้ความรู้ในการทำวิจัยการตลาด การสร้างแบรนด์ และกลยุทธ์ทางการตลาด ทำให้มีความเข้าใจมากขึ้น และทางบริษัทฯ ได้ตั้งฝ่ายการตลาดขึ้นมาโดยเฉพาะ และเมื่อต้นปี 2562 ที่ผ่านมา เริ่มมีการออกไปทำการตลาดในตลาดต่างประเทศ คือ พม่า เวียดนาม และจีน ล่าสุดมียอดสั่งซื้อเข้ามาแล้ว 4 – 5 ล้านบาท นอกจากนี้ ทางบริษัทยังได้ทำการตลาดผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ทั้งไลน์ เฟสบุ๊ก อินสตาแกรม ทำให้มีลูกค้ารายใหม่ ๆ เข้ามา กว่า 300 รายแล้ว จากปกติกลุ่มลูกค้าจะเป็นบรรดาบริษัท ห้างร้านเท่านั้น ทำให้มียอดขายเฉพาะในส่วนของออนไลน์ ประมาณ 1 ล้านบาท / เดือน
"เมื่อก่อนเราไม่เคยให้ความสำคัญกับการตลาดในมุมของนักการตลาดจริง ๆ เมื่อเข้าร่วมโครงการกับกรม ทำให้มีที่ปรึกษามาช่วยเรื่อง Marketing ซึ่งต่อมาเราได้ตั้งฝ่ายการตลาดขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อทำงานในเชิงรุกมากขึ้น ช่วยให้เราเจริญเติบโตและก้าวเดินได้อย่างมั่นคง โดยเรายังเน้นจุดขาย คือ นมอินทรีย์ที่มีคุณภาพดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด จากกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่ใช้พลาสติกชีวภาพ สามารถย่อยสลายได้ใน 180 วัน" นายพฤฒิกล่าวทิ้งท้าย
นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังได้เข้าร่วมโครงการการจัดการพลังงานแบบสมบูรณ์เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการใช้พลังงานสำหรับอุตสาหกรรม โดยนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ในกระบวนการพาสเจอร์ไรซ์ ทำให้ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลงได้ ร้อยละ 21.5 คิดเป็น 580,360 บาท / ปี และในอนาคตข้างหน้า ทางบริษัท มีแนวคิดบริการส่งนมถึงหน้าบ้านผู้บริโภค หรือ Milk Man ด้วยระบบกรีนโลจิสติกส์ คือการใช้รถไฟฟ้า ที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม โดยหวังว่ากรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจะเข้ามาช่วยเหลือสนับสนุนให้สามารถดำเนินการตามแผนงานได้
สำหรับบริษัท แดรี่โฮม ได้รับการรับรองรับมาตรฐานจากหลายหน่วยงาน ได้แก่ มาตรฐาน GMP, HACCP CODEX จากประเทศไทย และจาก Intertek International ได้รับการรับรองผลิตภัณฑ์อินทรีย์ที่ได้มาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ จากกรมปศุสัตว์ ได้รับการรองรับมาตรฐาน ISO50001 ด้านการอนุรักษ์พลังงานอย่างสมบูรณ์ รางวัล Organic Thailand และได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 10 สุดยอดนวัตกรรมแห่งชาติ จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ